ถอดรหัสเทรนด์ "อัญมณีและเครื่องประดับโลกแห่งปี 2022" ถอดรหัสเทรนด์ "อัญมณีและเครื่องประดับโลกแห่งปี 2022"
ถอดรหัสเทรนด์ "อัญมณีและเครื่องประดับโลกแห่งปี 2022"

GIT LIbrary Admin

 31 Jan 2021   9725

THE JEWELLERY TRENDBOOK 2022+ เกิดจากการรวมตัวกันของเหล่าผู้ทรงอิทธิพลระดับแนวหน้าในแวดวงอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ นักออกแบบ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทรนด์แฟชั่น ที่นำทีมโดย Paola De Luca ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Trendvision Jewellery + Forecasting ที่เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายนปี 2020 ที่ผ่านมาในงาน Vicenzaoro International Community Event (VOICE) ประเทศอิตาลี เป็นการจัดงานแสดงสินค้าครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโรค Covid-19 ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคทำให้ทีมนักวิจัยและนักออกแบบของหนังสือเล่มนี้มีเวลาในการทำงานมากขึ้นสามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ที่ซับซ้อนของการนำเสนอเทรนด์การออกแบบ การวางชิ้นงานเครื่องประดับ รวมถึงการฝึกฝนใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง การเลือกอัญมณีและวัสดุอื่นๆ จึงเป็นที่มาของ Slowceleration Jewelry โดยเดอลูก้ากล่าวว่า “ไอเดีย 'slow design' จะเป็นเทรนด์การออกแบบที่นิยมอย่างมากในฤดูกาลนี้อย่างแน่นอน”

Slowceleration Jewelry by Trendvisionforecasting
 

เปิดมุมมองอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับรับเทรนด์โลก

THE JEWELLERY TRENDBOOK 2022+ เล่มนี้เป็นเอ็ดดิชั่นที่ 19 โดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นหนังสือที่ใช้เป็นคู่มืออ้างอิงในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับโลกในปี 2022 โดยมีเนื้อหาแบ่งตามหัวข้อต่างๆ ที่อธิบายถึงวิวัฒนาการของการบริโภคสินค้าหรูหราในตลาดโลก ​ และใช้แนวทางในการติดตามปรากฏการณ์ใหม่ๆ​ ทางสังคมที่เกิดขึ้นในโลก และทำนายพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในอีก 2 ปีข้างหน้า

 
และเป็นที่สุดของหนังสือวิเคราะห์แนวโน้มการออกแบบเครื่องประดับล่วงหน้า ที่จะมีผลต่อวงการอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของโลกในปี 2022 โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเครื่องประดับ แนวโน้มของสีสัน วัสดุ และเทคโนโลยีที่นำมาใช้ รวมถึงองค์ประกอบสำคัญอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะมีอิทธิพลต่อผู้บริโภคในอนาคต ช่วยให้คุณวิเคราะห์พฤติกรรมและเข้าใจวัฒนธรรมของผู้บริโภคได้ดีขึ้น เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการแบบเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น...
 
เครื่องประดับวัสดุทางเลือก-เครื่องประดับเจนเดอร์ฟลูอิด-อัญมณีที่ไม่ได้เจียระไน 

เทรนด์สำคัญของเครื่องประดับแห่งฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง

SLOWCELERATION วิถีการใช้ชีวิตของเราที่เชื่องช้าลง มษุษย์ทำตัวให้ใกล้ชิดและเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติมากขึ้น ไม่ก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้และสิ่งแวดล้อมรอบตัว ด้วยการมีจิตสำนึกและความมี "จริยธรรม" ในการที่จะมีส่วนร่วมในการคืนพื้นที่สีเขียวกลับคืนสู่ธรรมชาติ
 
Slowceleration by Trendvisionforecasting (Photo Credit: http://www.thefuturist-pdlg.com)
 
ผู้ที่ต้องการดื่มด่ำกับความงดงามตามธรรมชาติจะต้องหลงรักเครื่องประดับที่มีพื้นผิวขรุขระ ไม่เรียบเกลี้ยงจนสมบูรณ์แบบ ความซับซ้อนที่เลียนแบบมากจากธรรมชาติ ผสมผสานกับความวิจิตรงดงามของทั้งโลหะและอัญมณี ที่ดึงดูดจิตวิญญาณของเราหลงใหลดั่งต้องมนต์สะกด
 

Slowceleration by Trendvisionforecasting (Photo Credit: http://www.thefuturist-pdlg.com)
 
OPTIMINIMAL เป็นการผสมผสานและจับคู่ของการออกแบบที่เรียบง่ายด้วยการนำวัสดุทางเลือกต่างๆ อย่างเช่น ไม้ เซรามิก เรซิน และพลาสติก มาใช้ในการออกแบบเครื่องประดับมากขึ้น ใช้รูปทรงและลายเส้นที่จำเป็น ให้ดูทันสมัยแต่มีผลต่อความรู้สึก สไตล์ที่เน้นความเรียบง่ายแต่หรูหราทำให้เกิดความสมดุล แสดงถึง “Newness and Nowness” เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป
Optiminimal by Trendvisionforecasting (Photo Credit: http://www.thefuturist-pdlg.com)
 
เครื่องประดับที่เน้นรูปแบบให้ดูคลาสสิก เรียบหรู มีเอกลักษณ์เฉพาะ ผสมผสานกับความเป็นสมัยใหม่ด้วยการประดับด้วยเพชร ส่วนตัวเรือนใช้วัสดุทางเลือก มีความแปลกใหม่ให้ความรู้สึก "ไม่มากเกินไป" แต่ก็ "ไม่น้อยเกินไป"
 
Optiminimal by Trendvisionforecasting (Photo Credit: http://www.thefuturist-pdlg.com)
 
SILOLESS เครื่องประดับเจนเดอร์ฟลูอิดหรือเครื่องประดับที่เลื่อนไหลทางเพศ เทรนด์ของผู้บริโภครุ่นใหม่โดยเฉพาะผู้ซื้อในกลุ่มคนรุ่น Millennial และ Gen Z เครื่องประดับที่ออกแบบใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยใช้เพชรและไข่มุกเช่นเดียวกับเครื่องประดับผู้ชายของชนชั้นสูงในช่วงยุคยุคเรเนสซองส์หรือวัฒนธรรมการใส่เครื่องประดับผู้ชายในยุคโบราณของอินเดียและจีน
 
Siloless by Trendvisionforecasting (Photo Credit: http://www.thefuturist-pdlg.com)
 
เครื่องประดับที่มีรูปแบบเรียบง่ายและทรงพลัง เป็นสไตล์ของแฟชั่นที่เป็นกลางทางเพศ เน้นรูปทรงเรขาคณิตสถาปัตยกรรม หนามแหลม เปรี้ยวล้ำเกินพิกัด สไตล์กอธิคผสมผสานกับพื้นผิวแบบ Maximalism ที่จะเล่นกับ สีสัน และสร้างลวดลายที่ชวนให้หลงใหล
Siloless by Trendvisionforecasting (Photo Credit: http://www.thefuturist-pdlg.com)
 
HISTORICAL CROSSOVER เป็นการออกแบบเครื่องประดับที่นำมาตีความใหม่ให้มีความร่วมสมัยผสมผสานด้วยเทคนิคทำเครื่องประดับแบบโบราณ อย่างเช่น การแกะสลัก (cameo) การหลอมโลหะ (metalsmithing) การสร้างลวดลาย (filigree) การแกรนูล (granulation) และการลงยา (enameling)
 
Historical Crossover by Trendvisionforecasting 
 
POSITIVE DARKNESS การมองโลกในแง่ดีมักมีด้านมืดซ่อนอยู่เช่นเดียวกับการมองโลกในแง่ร้ายก็มีด้านสว่าง ความสมดุลระหว่างการมองโลกในแง่ดีและการมองโลกในแง่ร้ายพัฒนากลายเป็น 'ความมืดด้านบวก' การเดินทางเข้าสู่จินตนาการอันไร้ขอบเขต ความแฟนตาซี ที่ชวนลึกลับและดำมืด ชวนให้เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพ พืชพรรณ ป่าไม้ สัตว์ป่า และสิ่งมีชีวิตที่น่าหลงใหล ในยุคที่มีความไม่แน่นอนนี้ มีเพียงความแน่นอนเดียวในชีวิตของคนเรา คือการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปตามกฎของเวลาชีวิต ที่ทำให้ผู้คนเกิดความต้องการที่จะหลีกหนีเข้าไปในดินแดนลึกลับ
 
Positive Darkness by Trendvisionforecasting 
 
 
Positive Darkness by Trendvisionforecasting 
 
ORGANIC EXPLORATIONS การสร้างวิถีชีวิตแบบองค์รวมที่กลมกลืนกันกับธรรมชาติ เทรนด์นี้จะช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตอย่างสมดุลกับธรรมชาติและโลกมากยิ่งขึ้น โดยใช้แรงบันดาลใจจากรูปแบบชีวิตจากธรรมชาติรอบตัว เช่น สีเขียวเข้ม ผลึกอัญมณีที่ยังไม่ผ่านการเจียระไน หรือผลึกแร่ต่างๆ นำมาออกแบบเครื่องประดับให้ผสมผสานกันอย่างสวยงาม มีเอกลักษณ์ ผู้บริโภคกำลังแสวงหาความสงบและสัมผัสใกล้ชิดกับธรรมชาติผ่านอัญมณีที่มีรูปแบบอิสระ อย่างเช่น อาเกต อเมทิสต์ และควอตซ์ พื้นผิวของเครื่องประดับที่ไม่ราบเรียบ สามารถดึงดูดความรู้สึก มีความหมายลึกซึ้ง สะท้อนให้เห็นถึงความไม่สมบูรณ์แบบจนกลายเป็นซิกเนเจอร์ของเครื่องประดับแห่งอนาคตที่ใกล้ชิดธรรมชาติได้อย่างแท้จริง ทำให้ผู้ที่หลงใหลในความงามตามธรรมชาติจะต้องชื่นชอบพื้นผิวชิ้นงานที่หยาบกร้านและสลับซับซ้อนซึ่งเป็นการเลียนแบบโลกแห่งธรรมชาติได้อย่างไร้ที่ติ
 
Organic Explorations by Trendvisionforecasting 
 
สร้อยชาร์มและจี้คาดว่าจะเครื่องประดับที่เป็นที่นิยมที่สุด เนื่องจากสามารถบอกเล่าเรื่องราวของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี หรือต่างหูขนาดเล็กที่มีแบบ 2 ข้างไม่เหมือนกันจะเป็นที่นิยมมากกว่าต่างหูที่ 2 ข้างจับคู่ให้เหมือนกัน แนวโน้มของเครื่องประดับที่ผู้บริโภคสามารถเลือกสไตล์ในแบบของตนเองได้ก็จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน เช่นเดียวกันกับเครื่องประดับที่ประดับด้วย แร่ หิน รวมทั้งผลึกอัญมณีที่ยังไม่ได้เจียระไนจะเป็นของล้ำค่าของฤดูกาลที่จะมาถึงนี้ เป็นการออกแบบที่ผู้บริโภคจะเรียนรู้การไม่ยึดติดกับความสมบูรณ์แบบ และความไม่จีรังของสิ่งรอบตัว ชื่นชมกับความสวยงามที่ไม่สมบูรณ์แบบของสิ่งต่างๆ และความเป็นธรรมชาติ
 
DIGITAL TACTILTY การออกแบบเครื่องประดับในสไตล์ 'Millennial edge' เทคโนโลยีแห่งอนาคต ความล้ำสมัย กับการสร้างสรรค์งานศิลปะที่ฉีกกฎแบบเดิมๆ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น เน้นการใช้สีสันที่ฉูดฉาด สะดุดตา ด้วยเทคนิคการเคลือบผิวตัวเรือนด้วยไฟฟ้าและเทคนิคการจุ่มสีโลหะ ทำให้ได้ชิ้นงานที่ดูโฉบเฉี่ยวและล้ำสมัย ใช้อัญมณีหลากสีและเพชรมาตกแต่งโดยผสมผสานกับตัวเรือนที่เป็นโลหะสี เพื่อนำเสนอลูกเล่นการทำเครื่องประดับที่แปลกใหม่ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับเรื่องการรีไซเคิลหรือการนำของเก่ากลับมาใช้ใหม่ แนวคิดของเครื่องประดับรีไซเคิลที่นำกลับมาตีความใหม่ทั้งในเรื่องของวัสดุและบวนการผลิตเครื่องประดับที่ผสมผสานระหว่างวิธีดั้งเดิมกับวิธีสมัยใหม่
 
Digital Tactility by Trendvisionforecasting (Photo Credit: http://www.thefuturist-pdlg.com)
 
การเชื่อมต่อกับผู้บริโภค ในอีกสองปีข้างหน้าคาดว่าความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของสินค้าเครื่องประดับที่มีมูลค่าสูงจะสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคในการเป็นเจ้าของเครื่องประดับที่ หายาก สวยงาม และมีราคาที่ยอมรับได้ “เครื่องประดับจากวัสดุทางเลือกที่มีราคาไม่แพงช่วยให้ผู้บริโภคบอกเล่าเรื่องราวของตนเองได้เป็นอย่างดี และยังเป็นของสะสมที่สามารถออกแบบได้อย่างอิสระ โดยเป็นการออกแบบที่ผสมผสานและจับคู่กันของวัสดุที่มีค่าและไม่มีค่า” นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีการผลิตตัวเรือนแบบใหม่ที่มีโลหะผสมและเซรามิก จะสามารถสร้างสรรค์เครื่องประดับที่มีลูกเล่นเพื่อ​ดึงดูดสายตา เน้นการใช้สีนีออน หรือที่มีสีสันสดใส จะเป็นที่นิยมและดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคที่อายุน้อยที่สุดได้
 
Digital Tactility by Trendvisionforecasting (Photo Credit: http://www.thefuturist-pdlg.com)
 
EMERGING PHENOMENA

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเราเข้าสู่ยุคแห่ง “ความไม่แน่นอน” หนังสือ THE JEWELLERY TRENDBOOK 2022+ ได้ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับกระบวนทัศน์ที่เกิดขึ้นใหม่ที่สำคัญและวิธีที่จะนำมาใช้ประโยชน์ ทำให้มองเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจได้ดีขึ้นด้วยการมองโลกในแง่ดีและมีสติ ซึ่งเรากำลังเข้าสู่ “Phygital Era” ที่ความต้องการทางดิจิทัลและทางกายภาพได้หลอมรวมกันและเชื่อมต่อกัน ก่อให้เกิดโอกาสใหม่ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

การทำธุรกิจในยุคนี้จะมีแค่ Physical หรือ Digital อย่างเดียวไม่ได้แล้ว ผู้ประกอบการจะต้องก้าวไปสู่ยุคของ “Phygital Retail” ซึ่งเป็นเทรนด์การขายที่ผสมผสานระหว่างสิ่งที่สัมผัสได้กับการใช้สื่อดิจิทัลเข้าไว้ด้วยกัน เป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า ที่สิ่งสำคัญที่ไม่ใช่แค่ Physical Channel แต่ยังรวมถึง Digital Experience อีกด้วยด้วย เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเรื่องของ “Conversational Commerce” มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องด้วยวิกฤตการณ์ปัจจุบันที่เอื้อให้ผู้บริโภคต้องการซื้อของโดยมีการสัมผัสกันให้น้อยที่สุด หลีกเลี่ยงการพบปะ ทำให้การสร้างความน่าสนใจให้กับสินค้าเพื่อดึงดูดผู้บริโภคด้วยเนื้อหาและภาพจึงสำคัญเป็นอย่างมาก

Phygital Retailing by Trendvisionforecasting (Photo Credit: http://www.thefuturist-pdlg.com)
 
นอกจากนี้ การสร้างเรื่องราวหรือการบอกเล่าที่มาที่ไปต่างๆ ของเครื่องประดับชิ้นหนึ่งจะกลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์เครื่องประดับในฤดูกาลหน้า เนื่องจากการแข่งขันที่มีมากขึ้นจากนักออกแบบอิสระที่ใช้เครื่องมือดิจิทัลอย่าง Instagram ในการสร้างแบรนด์และจำหน่ายสินค้า
 
Phygital Era by Trendvisionforecasting (Photo Credit: http://www.thefuturist-pdlg.com)
 

ในช่วงที่ผ่านมาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลกกำลังเผชิญกับสิ่งที่ท้าทายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เศรษฐกิจที่ชะลอตัว ความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจ ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อผลประกอบการโดยรวมของธุรกิจ และปฎิเสธไม่ได้ว่า “ความรู้” ยังคงเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการทำธุรกิจ หนังสือ THE JEWELLERY TRENDBOOK 2022+ จึงเปรียบเสมือนเครื่องมือที่สำคัญและเป็นขุมความรู้อันทรงพลังที่จะช่วยให้คุณและบริษัทของคุณจะก้าวล้ำไปอีกขั้นหนึ่งในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ ทำให้คุณก้าวทันเทรนด์โลกที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า เข้าถึงและเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลได้ดียิ่งขึ้น โดยได้ยกตัวอย่างการแบ่งแนวโน้มและภาพรวมของทิศทางการออกแบบในตลาดต่างประเทศของแบรนด์ระดับโลกที่กำลังมาแรงของเครื่องประดับและนาฬิกาไว้ดังนี้

JEWELLERY DIRECTIONS

เมื่อเวลาผ่านไป “เครื่องประดับ” กลายเป็นเครื่องบ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ที่ใช้เชื่อมโยงความรู้สึกระหว่างเครื่องประดับกับผู้ที่สวมใส่อย่างแท้จริง และเป็นมรดกอันทรงคุณค่าที่จะมอบให้ลูกหลานแทนที่จะเป็นเพียงเครื่องประดับที่ใส่เพื่อจับคู่กับเครื่องแต่งกาย ซึ่งการออกแบบเครื่องประดับในอีกสองปีข้างหน้าจะต้องสะท้อนตัวตนของผู้สวมใส่ให้มากที่สุด เป็นการดีไซน์ที่อิสระแสดงถึงความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการอันไร้ขอบเขต ทำให้ผู้สวมใส่เกิดแรงบันดาลใจที่หลากหลายที่จะกระตุ้นให้เกิดแรงปรารถนาที่จะผลักดันตัวเองให้หลุดออกจากกรอบเดิมๆ

THE RETRO FUTURISTIC DECO การออกแบบที่ผสมผสานศิลปะอาร์ตเดคโค ศิลปะแบบคิวบิส (Cubism) และศิลปะร่วมสมัยเข้าไว้ด้วยกัน ใช้รูปทรงเลขาคณิต เน้นดีไซน์ที่ความเรียบง่ายแต่ซับซ้อนสง่างาม ใช้เทรนด์การออกแบบในอดีตหรือกระแสนิยมดั่งเดิม นำมาตีความใหม่ที่ผสมผสานด้วยความทันสมัย ตัวเรือนทำจากวัสดุผสม เซรามิกเคลือบสีนีออนหรือเพสเทลอ่อนๆ และลงยาลายเส้นที่ดูโค้งมนประดับด้วยเพชรและอัญมณีหลากสี ช่วยเพิ่มความเย้ายวนใจให้กับเครื่องประดับได้เป็นอย่างดี

Retro Futuristic Deco by Trendvisionforecasting 
 
WATCHES DIRECTIONS

การออกแบบนาฬิกาจะเน้นไปยังลูกค้าที่เป็นผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในดีไซน์คลาสสิก เรียบง่าย ที่แฝงกลิ่นอายความย้อนยุค แต่ดูทันสมัยด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย เพิ่มความหรูหรามีระดับด้วยการออกแบบหน้าปัดให้มีความสวยงามโดดเด่น เป็นการยกระดับสุนทรียภาพและการเข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น การออกแบบนาฬิกาจะต้องสะท้อนความสวยงามทางงานศิลปะและความปราณีตของงานฝีมือชั้นสูงจะเพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้ที่ชื่นชอบ ทำให้นาฬิกาแต่ละเรือนมีเอกลักษณะเฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร และมีเพียงไม่กี่ชิ้นในโลก

 
Artistic Watches by Trendvisionforecasting (Photo Credit: http://www.thefuturist-pdlg.com)
 
Watches Directions by Trendvisionforecasting 
 

การคาดการณ์แนวโน้มเทรนด์โลกเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำธุรกิจเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเพื่อที่จะสามารถวางกลยุทธ์ทางการตลาดและการออกแบบผลิตภัณฑ์ได้ทำให้คุณกลายเป็นผู้มีอิทธิพลในอุตสาหกรรมและอยู่เหนือคู่แข่ง หนังสือ THE JEWELLERY TRENDBOOK 2022+ สามารถถอดรหัสเทรนด์โลกด้วยการทำนายแนวโน้มและปัจจัยต่างๆ ที่มีอิทธิพลอนาคตของเทรนด์เครื่องประดับในอีกสองปีข้างหน้า ซึ่งผู้อ่านจะทราบถึงข้อมูลในเชิงลึกเพื่อเข้าถึงถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งในฤดูกาล 2022 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ทุกท่านจะได้ดื่มด่ำไปกับทิศทางการออกแบบที่น่าสนใจ 4 ธีม ดังนี้ HOLISTICISM, PARADOXIGM, MULTI-ROOTED, RE-SMART

HOLISTICISM การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกมิติทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี อันเป็นผลมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ โลกทั้งโลกสามารถเชื่อมต่อกันได้ง่ายๆ ด้วยปลายนิ้ว มีความเชื่อมโยงระหว่างกันมากขึ้น โลกที่เคยกว้างใหญ่กลับเล็กลง ดินแดนแต่ละประเทศที่อยู่ห่างไกลกันสามารถติดต่อกันได้ภายในเวลาเสี้ยววินาที สิ่งที่เคยเป็นอุปสรรคในการติดต่อไปมาหาสู่กันก็ดูเสมือนเลือนหายไปจนกลายเป็นโลกไร้พรมแดน และหลังจากนี้ก็จะเป็นทศวรรษที่มีก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้งในด้านเทคโนโลยี การผลิต และมีรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

PARADOXIGM กระบวนทัศน์ใหม่ของการดำรงชีวิตที่อยู่บนความขัดแย้งกันของมนุษย์โลกโดยเกิดจากความคิดและทัศนคติที่ไม่ตรงกัน ซึ่งเมื่อเราก้าวเข้าสู่ปี 2022 จงเตรียมตัวให้พร้อมที่ต้องยอมรับกับพฤติกรรมที่ขัดแย้งกันทางความคิดและการมีอุดมคติที่ตรงกันข้ามกัน มนุษย์โลกจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและความคิดเห็นต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดความรุนแรง ที่สำคัญกว่านั้นคือ โลกของเราจะกลายเป็นโลกใบใหม่ที่มนุษย์จะมีความปรารถนาที่จะต้องการการมีชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

MULTI-ROOTED วิวัฒนาการของสังคมที่พัฒนาไปมากในปัจจุบัน กลุ่มคนหลายเชื้อชาติและหลายชาติพันธุ์ที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี ทำให้มีความหลากหลายของอัตลักษณ์ทางสังคมและวัฒนธรรมก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย และยัได้ฉีกกฎดั้งเดิมๆ ในปฏิบัติตัวต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง กลุ่มคนรุ่นใหม่มีอิสระในการแสดงความเป็นตัวตนของตนเองเพิ่มมากขึ้น สะท้อนถึงความเท่าเทียมกันในเรื่องเพศอย่างเปิดเผย มีความเลื่อนไหลทางเพศ ไม่มีการแบ่งเพศ แนวคิดความไม่สมบูรณ์แบบ หรือไม่ได้สนใจเกี่ยวกับอายุอีกต่อไป

RE-SMART ทิศทางที่จะนำไปสู่อนาคตของความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่ เป็นการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรกลอัจริยะ ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ล้ำสมัยทำให้มนุษย์ต้องบาลานซ์ชีวิตในการอยู่ร่วมกันระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกเสมือน และในปี 2022 จะเป็นการเดินหน้าสู่ยุคที่เทคโนโลยีและมนุษย์จะมีความกลมกลืนและเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น เทคโนโลยีโลกเสมือนที่เชื่อมต่อกับชีวิตในทุกๆ มิติ รวมทั้งการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ของมนุษย์ ข้อมูลจะถูกนำมาใช้ประโยชน์และจัดเก็บไว้บนแพลตฟอร์มต่างๆ ที่เหมาะสม

พบกันเร็วๆ นี้ที่ ห้องสมุดอัญมณีและเครื่องประดับ กับหนังสือ THE JEWELLERY TRENDBOOK 2022+ หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้คุณสามารถกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดให้ทันการเปลี่ยนแปลงของประวัติศาสตร์โลก และปรากฎการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นรอบตัวทั้งในด้านวัฒนธรรมและสังคม เพื่อใช้นำมาวิเคราะห์ คาดการณ์แนวโน้มที่จะมีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของโลกในอีก 2 ปีข้างหน้า ทำให้คุณสามารถวางกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างเหนือชั้น ตรงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย เพื่อให้ธุรกิจของคุณพร้อมกับการก้าวสู่การเป็นผู้นำและยืนหนึ่งเหนือคู่แข่งในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับได้อย่างง่ายดาย…

หากท่านใดสนใจอัพเดทเรื่องราวเทรนด์อัญมณีและเครื่องประดับโลกของปี 2021 และศึกษาเทรนด์โลกย้อนหลังจนถึงปี 2007 สามารถหาอ่านได้ที่ชั้นหนังสือของคลอเล็กชั่น Jewelry Design ภายในห้องสมุดอัญมณีและเครื่องประดับ โดยสามารถสืบคืนข้อมูลหนังสือ Jewelry Trenbook เพิ่มเติมได้ที่: https://elibrary.git.or.th/list-book/category/trend-book หรือสืบค้นหนังสือด้านอัญมณีและเครื่องประดับได้ที่ SEARCH ON OPAC ได้จาก https://elibrary.git.or.th/ 

THE JEWELLERY TRENDBOOK 2022+  (Photo Credit: http://www.thefuturist-pdlg.com)
 
หรือแวะเวียนเข้ามาใช้บริการอ่านหนังสือได้ที่​ห้องสมุดอัญมณีและเครื่องประดับ​ ตั้งอยู่ที่​ชั้น​ 1​ อาคารไอทีเอฟ​ ทาวเวอร์​ ถนนสีลม​ เปิดให้บริการวันจันทร์-วันศุกร์​ เวลา​ 08.30-16.30 น.​ หยุดวันเสาร์-อาทิตย์​ ​และวันหยุดนักขัตฤกษ์​

We uses cookies to improve website performance. You can learn more about the use of cookies at Cookie Policy Setting Accept