TRIDACNA PEARL:ไข่มุกหอยยักษ์ระดับแรร์ไอเทม
ไข่มุกที่หายากมากที่สุดในโลกเรียกได้ว่าเป็นเอ็กซ์โซติกเพิร์ลระดับแรร์ไอเทมอีกชนิดหนึ่งเฉกเช่นเดียวกับเมโลเพิร์ลและคอนช์เพิร์ล นั่นก็คือ ไทรแดคนาเพิร์ล (Tridacna Pearl) ไข่มุกธรรมชาติสีขาวถึงสีขาวอมเหลืองผิวคล้ายเครื่องกระเบื้องเคลือบและมักมีโครงสร้างเปลวไฟที่สวยงามที่มองเห็นได้ชัดเจน ไข่มุกไทรแดคนาเป็นเป็นไข่มุกที่ผลิตจาก "หอยมือเสือ" จัดเป็นหอยสองฝาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและใกล้สูญพันธุ์ ทำให้ “หอยมือเสือ” จัดเป็นสัตว์สงวนที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และเป็นหนึ่งในสัตว์น้ำที่ได้รับการขึ้นบัญชีรายชื่อให้อยู่ในอนุสัญญาไซเตส (CITES)

ไข่มุก Tridacna คืออะไร
ไข่มุกไทรแดคนา หรือ ไทรแดคนาเพิร์ล (Tridacna Pearl) เป็นไข่มุกที่ผลิตโดยหอยน้ำเค็มขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “หอยมือเสือ” หรือ “หอยมือเสือยักษ์” มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Tridacna gigas หรือ Giant Clam ถูกจัดอยู่ในกลุ่มหอยสองฝา (Bivalves หรือ Pelecypods) ที่มีฝาเปลือก 2 ชิ้นประกบติดกันทางด้านล่าง ขอบด้านบนหยักเป็นคลื่น เป็นหอยอยู่ในวงศ์ Cardiidae วงศ์ย่อยหอยมือเสือ Tridacninae จัดเป็นสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกสันหลังจำพวกมอลลัสกา (Mollusca) หอยชนิดนี้มีอายุยืนยาวถึง 100 ปี มีเปลือกหนาและมีขนาดใหญ่ สามารถโตได้กว้างถึง 120 เซนติเมตร หรือประมาณ 4 ฟุต และอาจมีน้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัม หรือราว 440 ปอนด์ จัดเป็นหอยสองฝาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีสีสันและลวดลายที่สวยงาม พบได้ทั่วไปในแถบมหาสมุทรเขตร้อนของอินโด-แปซิฟิก ตั้งแต่ทะเลจีนตอนใต้ทางตอนเหนือไปจนถึงชายฝั่งทางเหนือของออสเตรเลีย และจากหมู่เกาะนิโคบาร์ทางตะวันตกไปจนถึงฟิจิทางตะวันออก มักอาศัยอยู่ตามที่ราบแนวปะการังน้ำตื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์เท่านั้น (ปกติอยู่ห่างจากผิวน้ำไม่เกิน 20 เมตร) ฝังอยู่ในทรายหรือบริเวณที่มีเศษหินปะการัง ทั่วโลกมีหอยมือเสือทั้งหมด 8 ชนิดด้วยกัน ส่วนประเทศไทยเคยพบมากถึง 5 ชนิด แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 3 ชนิด และที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ คือ Tridacna squamosa, Tridacna maxima และ Tridacna crocea



ลักษณะของไข่มุก Tridacna

ไข่มุก Tridacna ที่ใหญ่ที่สุด
ไข่มุกแห่งอัลลอฮ์ (The Pearl of Allah)
ในปี 1934 มีรายงานว่าพบไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เดิมเรียกว่า “ไข่มุกแห่งอัลลอฮ์” (The Pearl of Allah) หรือเรียกกันว่า “ไข่มุกแห่งเล่าจื๊อ” (Pearl of Lao Tzu) ถูกพบโดยนักประดาน้ำที่นอกชายฝั่งของเกาะปาลาวันในประเทศฟิลิปปินส์ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 24 เซนติเมตร (9.45 นิ้ว) และมีน้ำหนัก 6.4 กิโลกรัม (หรือประมาณ 14.2 ปอนด์) มีรูปทรงบิดเบี้ยวแบบบาโรก (Baroque) โดยไข่มุกชิ้นนี้มีรูปร่างค่อนข้างแปลกประหลาด ซึ่งดูเหมือนกับผู้ชายไว้ผมยาว มีผ้าโพกหัว และมีหนวดเครา เหมือนกับใบหน้าของท่านศาสดามูฮัมหมัด โดยในปี 1939 วิลเบิร์น ดูเวลล์ คอบบ์ (Wilburn Dowell Cobb) นักโบราณคดีชาวอเมริกันเชื้อสายฟิลิปปินส์ ได้นำไข่มุกชิ้นนี้กลับมาที่ มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และได้นำไปจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ริริบลีส์ บีลีฟ อิท ออร์ นอท (Ripley's Believe It or Not! Museum) บนถนนบรอดเวย์ ซึ่ง ”ไข่มุกแห่งอัลลอฮ์” ได้ถูกเรียกกันในชื่อใหม่ว่า “ไข่มุกแห่งเล่าจื๊อ” ที่สาบสูญ โดยนักอัญมณีศาสตร์ที่ชื่อว่า Michael Steenrod ได้ประเมินราคาไข่มุกที่ 60,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ (1982) และ 93,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ (2550) การประเมินอีกครั้งในปี 1982 โดย Lee Sparrow ซึ่งเป็นเจ้าของห้องปฏิบัติการอัญมณีซานฟรานซิสโก (San Francisco Gem Laboratory) อยู่ที่ 42,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ

“จิก้า เพิร์ล” (Giga Pearl) เป็นไข่มุกที่ได้รับการบันทึกว่าใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากมีน้ำหนัก 27.65 กิโลกรัม (หรือประมาณ 60 ปอนด์) และมีขนาด 39.37 เซนติเมตร (15.5 นิ้ว) x 22.86 ซม. (9 นิ้ว) x 20.95 เซนติเมตร (8.25 นิ้ว) ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็น 4 เท่าของ “ไข่มุกแห่งเล่าจื๊อ” (เดิมคือไข่มุกแห่งอัลลอฮ์) ซึ่งมีน้ำหนัก 6.4 กิโลกรัม โดยมีการระบุว่าเป็น “ไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก” เช่นกัน ซึ่งเป็นของนายอับราฮัม เรเยส (Abraham Reyes) นักสะสมไข่มุกธรรมชาติและโบราณวัตถุในแคนาดา และเป็นมรดกตกทอดมาจากย่าของเขาซึ่งอยู่ในวัย 90 ปลายๆ และเป็นนักสะสมสิ่งประดิษฐ์จากเอเชียรายใหญ่ในฟิลิปปินส์ ซึ่งคุณปู่ได้มอบไข่มุกนี้เปนของขวัญให้กับย่าของเขาในปี 1959 โดยไข่มุก Giga Pearl ได้ถูกนำไปจัดแสดงร่วมกับประติมากรรมปลาหมึกยักษ์ที่ทำจากทองคำ 22k ออกแบบโดยศิลปิน เบธานี ครูล (Bethany Krull) ประติมากรชาวนิวยอร์ก มีรายงานว่ามีมูลค่า 60,000,000 - 200,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่อย่างไรก็ตามมีเพียง Giga Pearl เท่านั้นที่มีชื่ออยู่ในบันทึกว่าเป็นมุกบลิสเตอร์ (Blister Pearl) จากธรรมชาติที่เกิดจากเปลือกหอยมือเสือยักษ์ (Tridacna shell) และได้รับการรับรองจาก GIA ( Gemological Institute of America) ว่าเป็นมุกบลิสเตอร์ (Blister Pearl)

ในปี 2006 เมื่อชาวประมงคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่เกาะปาลาวันในฟิลิปปินส์ได้พบไข่มุก Tridacna โดยบังเอิญขณะที่เขาพยายามดึงสมอเรือออกจากก้นทะเล เป็นไข่มุกที่มีความยาวมากกว่า 60.96 เซนติเมตร กว้าง 30.48 เซนติเมตร และมีน้ำหนักถึง 34 กิโลกรัม (หรือประมาณ 75 ปอนด์) ถูกขนานนามว่า “ไข่มุกแห่งปูเวร์โต” (Pearl of Puerto) หรือไข่มุกแห่งปูเวร์โตปรินเซซา (Pearl of Puerto Princesa) ชาวประมงเก็บไข่มุกนี้ไว้ใต้เตียงนอนของเขานานนับสิบปีเพราะเชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งความโชคดี และมีการประเมินว่าไข่มุกขนาดใหญ่นี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 100,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2016 ไข่มุกชิ้นนี้ได้รับการตรวจสอบจากห้องปฏิบัติการด้านอัญมณีแล้วว่าเป็นลักษณะของ “มุกบลิสเตอร์” (Blister Pearl) ที่เกิดจากเปลือกหอยมือเสือยักษ์ (Tridacna shell) เป็นการทำลายสถิติไข่มุก Tridacna ธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากหอยมือเสือและได้ถูกนำไปจัดแสดงที่ Atrium of New Green City Hall เมืองปูเวร์โตปรินเซซา เกาะปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์

แนะนำหนังสือสำหรับไข่มุก



Initially published in 1992, the "Pearl Buying Guide" was the first book to give consumers details on judging pearl quality and value. The 207 new colour photos in this updated 5th edition show new types of pearls, clasps and jewellery styles. Updated information has been provided on natural pearls, treatments, cultivation and identification techniques, and a brief chapter on antique pearl jewellery has been added. Written for both consumers and professionals, the "Pearl Buying Guide" gives step-by-step visual pointers on how to select flattering pearls that will give you maximum enjoyment. "Library Journal" described a previous edition of the "Pearl Buying Guide" as: 'An interesting and easy-to-understand guide to buying, evaluating, selecting and caring for pearls and pearl jewellery. The opening chapters point out common mistakes made when buying pearls. Other chapters focus on evaluating pearl types and shapes, lustre, nacre thickness, colour, flaws, size, and make. Additional chapters cite differences in South Sea, black, and freshwater pearls as well as imitation, natural and cultured pearls. The closing chapters highlight the proper way to care for pearls as well as creative ways to wear them. The many photographs are valuable in illustrating the characteristics of and differences among pearls. Overall the guide is useful to all types of readers'. "The San Jose Mercury News" said 'If you're thinking of investing in pearls, invest $20 first in the Pearl Buying Guide by Renee Newman. Even if you already own pearls, this book has good tips on care and great ideas on different ways to wear pearls'.
และมีหนังสือเล่มอื่นๆ เกี่ยวกับ “ไข่มุกและเครื่องประดับมุก” อีกมากมายซึ่งสามารถหาอ่านได้ที่ชั้นหนังสือ ORGANIC GEM COLLECTION และ JEWELRY DESIGN COLLECTION ภายในห้องสมุดอัญมณีและเครื่องประดับ หรือสืบค้นได้ที่ https://opac.git.or.th/Search_Basic.aspx หรือ https://elibrary.git.or.th
พิกัด: ห้องสมุดอัญมณีและเครื่องประดับ ชั้น1 อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ถนนสีลม