หน้าหลัก

ทับทิม : อัญมณีประจำเดือนกรกฎาคม

Admin J. กรกฎาคม 18, 2024 2,099 1,183


ทับทิม (Ruby) เป็นแร่ในตระกูล คอรันดัม (Corundum) เช่นเดียวกับ ไพลิน (Sapphire) โดยทับทิมจะเป็นชื่อเรียกของแร่คอรันดัมที่มีสี “แดง” ซึ่งสีแดงสดนี้เกิดจากธาตุโครเมียม (Chromium) เจือปนในโครงสร้างผลึก “ทับทิม” มีความแข็งเท่ากับ 9 ตามสเกลของโมส์ (Mohs Scale)  รองลงมาจากเพชร  (Diamond) ทั้งนี้ยังเป็นอัญมณีประจำเดือนเกิดของผู้ที่เกิดในเดือนกรกฎาคม (July) และเป็นอัญมณีประจำราศีมังกร (Capricorn)



“ทับทิม” เป็นอัญมณีที่มี “สีแดง” เป็นเอกลักษณ์  โดยเฉดสีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ สีแดงเลือดนกพิราบ (Pigeon's Blood)  ซึ่งเป็นสีแดงสดแกมม่วงเล็กน้อย และเป็นสีในเฉดที่ได้รับการยอมรับว่าสวยมากที่สุด นอกจากนี้ทับทิมยังมีแดงในเฉดสีอื่นๆ  อีกมากมาย  เช่น  แดงแกมชมพู  แดงแกมม่วง แดงแกมน้ำเงิน แดงแกมส้ม  และแดงแกมน้ำตาล

ชุดมาตรฐานสีทับทิมสีแดงเลือดนกพิราบ (Photo Credit: GIT)


แหล่งทับทิมที่สำคัญ 

“ทับทิม” มีแหล่งกำเนิดจากหลายประเทศทั่วโลก แต่แหล่งทับทิมที่มีชื่อเสียง ได้แก่ เมียนมาร์ (Myanmar) ศรีลังกา (Sri Lanka)  เวียดนาม (Vietnam) แอฟริกาใต้ (South Africa) โมซัมบิก (Mozambique) และแทนซาเนีย (Tanzania) สำหรับในประเทศไทย (Thailand) แหล่งทับทิมอยู่ในจังหวัดตราดและจันทบุรี ซึ่งทับทิมไทยมีชื่อเสียงแพร่หลายในหมู่ชาวต่างชาติในชื่อของ “ทับทิมสยาม” (Siamese Ruby)




การเลือกซื้อทับทิม

สีแดงของทับทิมนั้นขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล และควรมีสีแดงบริสุทธิ์ถึงสีแดงแกมม่วงเล็กน้อยไม่มีสีส้มหรือสีม่วงปนมากจนเกินไป มีโทนสีที่สว่างสดใส ไม่มืดหรือสว่างจนเกินไป (ซึ่งทับทิมแต่ละแหล่งจะมีสีที่แตกต่างกัน) มีความโปร่งใส ไม่มีตำหนิหรือมลทินหรือมีน้อย มีการเจียระไนได้สัดส่วนสมมาตร และมีขนาดที่เหมาะสม โดยทับทิมที่มีคุณภาพและราคาสูง จะต้องมีสีแดงบริสุทธิ์หรือมีสีม่วงปนน้อยมากและสีแดงนั้นจะต้องเป็นสีแดงสดไม่ดำคล้ำ มีโทนสีปานกลางไม่เข้มหรืออ่อนจนเกินไปและมีสีที่สม่ำเสมอในแต่ละเม็ด บางครั้งอาจพบทับทิมใส่สีหรือย้อมสี ซึ่งสามารถตรวจสอบได้โดยใช้ไม้พันสำลีจุ่มน้ำหรือแอลกอฮอล์ถูถ้าผ่านการย้อมสีมาจะมีสีติดสำลีออกมาได้


การดูแลรักษา

ไม่ควรเก็บเครื่องประดับทับทิมไว้กับอัญมณีชนิดอื่น ควรใส่ไว้ในถุงผ้าหรือกล่องแยกชิ้นที่มีผ้านุ่มรอง เนื่องจากทับทิมเป็นอัญมณีที่มีความแข็งอาจไปขูดขีดอัญมณีชนิดอื่นที่มีความแข็งน้อยกว่าเป็นรอยและเกิดความเสียหายได้ ทำความสะอาดเครื่องประดับ “ทับทิม” โดยใช้นำยาล้างเครื่องประดับหรือน้ำอุ่นผสมกับน้ำสบู่เหลวอ่อนๆ และปัดทำความสะอาดตามซอกมุมและด้านหลังด้วยแปรงขนนุ่ม ไม่ควรสวมใส่เครื่องประดับทับทิมในขณะประกอบอาหาร ทำความสะอาดบ้าน เพราะสารเคมีหรือสารประกอบต่างๆ จากควันเครื่องปรุงอาหาร ไขมัน หรือน้ำยาต่างๆ อาจะเกาะบนผิวของทับทิมทำให้สีทับทิมหมองหรือมีความวาวลดลงได้ หลีกเลี่ยงการใส่ทำกิจกรรมหนักๆ เช่น ออกกำลังกาย จัดสวน หรืองานที่ใช้เครื่องมือหนัก เพราะจะทำให้ทับทิมหล่นหรือถูกกระแทกอย่างรุนแรง ซึ่งจะทำให้ทับทิมแตกร้าวเป็นรอยได้





ราชาแห่งอัญมณี : ตำนานและความเชื่อ

“ทับทิม” ได้ชื่อว่า “ราชาแห่งอัญมณี” ซึ่งคำว่า “Ruby” มาจากภาษาละติน “Ruber” หรือ “Rubinus” แปลว่า “สีแดง” ส่วนรากศัพท์จากภาษาสันสกฤต คือคำว่า “Ratnaraj” หรือ “รัตนนายากะ” (Ratnanayaka) หมายถึง “ราชาแห่งอัญมณี” (King of Gems) โดยเป็นฉายาที่ชาวอินเดียใช้เรียกทับทิมมาเป็นเวลาช้านาน


Ruby from Vietnam
Ruby from Vietnam

“ทับทิม” อัญมณีสีแดงสดใสเปรียบเสมือน “ดวงไฟแห่งพลัง” ทั้งยังเป็นอัญมณีที่มีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนมาเนิ่นนาน ประวัติศาสตร์อันยาวนานของทับทิมนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความนิยม คุณค่า และความเชื่อที่ผู้คนมีต่ออัญมณีชนิดนี้ โดยทับทิมถูกค้นพบและนำใช้ทำเป็นเครื่องประดับมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตามหลักฐานทางโบราณคดีชี้ให้เห็นว่าทับทิมถูกนำมาใช้ในหมู่ชนชั้นสูงมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ อินเดีย กรีก โรมัน และเชื่อกันว่ามีพลังวิเศษ


“ทับทิม” เป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจ ความกล้าหาญ ความแข็งแกร่ง ความมั่งคั่ง ความสุข ความโชคดี สุขภาพ ความมีชีวิตชีวา ในอดีตเชื่อกันว่า “ทับทิม” มีพลังในการปกป้องคุ้มครองผู้สวมใส่จากภัยอันตราย นำพาโชคลาภและความสำเร็จมาให้เจ้าของ นอกจากนี้ทับทิมยังถูกใช้เป็นเครื่องรางของขลังในพิธีกรรมทางศาสนา และเชื่อกันว่าสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้


ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 พลินี (Pliny the Elder) นักธรรมชาติวิทยาและนักประพันธ์ชาวโรมันได้อธิบายถึงความแข็งและความหนาแน่นของ “ทับทิม” ไว้ในหนังสือ ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Natural History) ชาวอินเดียเชื่อว่าทับทิมช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถอยู่ร่วมกับศัตรูได้อย่างสันติ ส่วนชาวฮินดูโบราณเชื่อว่าผู้ที่ถวายทับทิมอันวิจิตรงดงามแก่พระกฤษณะจะได้รับพรให้กลับชาติมาเกิดเป็นจักรพรรดิ นอกจากนี้ชาวฮินดูแบ่งทับทิมออกเป็นสี่วรรณะ โดยเรียกทับทิมตะวันออกแท้ว่า “พราหมณ์” เชื่อกันว่าผู้ที่มีทับทิมพราหมณ์ครอบครองจะมีความได้เปรียบในเรื่องความมั่นคงปลอดภัย


ในเมียนมาร์ (ซึ่งเป็นแหล่งทับทิมมาตั้งแต่ 600 ปีก่อนคริสตกาล) นักรบจะมี "ทับทิม" ไว้ในครอบครองเพื่อปกป้องให้ตนเองอยู่ยงคงกระพันในสนามรบ อย่างไรก็ตาม การสวมใส่ทับทิมเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ นักรบเหล่านั้นต้องฝังทับทิมเข้าไปในเนื้อหนังของตนเองและทำให้ทับทิมเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความภาคภูมิใจและความศรัทธาอย่างลึกซึ้งในคุณสมบัติการปกป้องของ “ทับทิม”


ทับทิมนั้นยังมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและถูกนำมาใช้เป็นเครื่องประดับในหลากหลายวัฒนธรรมมาตั้งแต่ยุคอินเดียโบราณ ทับทิมยังถูกนำไปใช้ในเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของราชวงศ์ต่างๆ เนื่องจากทับทิมเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจของกษัตริย์ ซึ่งทับทิมยังคงมีความสำคัญมาจนถึงทุกวันนี้และกลายมาเป็นอัญมณีที่ราชวงศ์ยุโรปและชนชั้นสูงต่างต้องการมากที่สุด ชาวยุโรปในยุคกลางหลายคนสวมใส่ทับทิมเพื่อช่วยเสริมเรื่องของสุขภาพ ความมั่งคั่ง ภูมิปัญญา และความสำเร็จในความรัก


สัญลักษณ์ของ “ทับทิม” ในปัจจุบัน

"ทับทิม" เป็นอัญมณีประจำเดือนกรกฎาคม  (July) ในด้านความรักทับทิมถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของความรักที่ยืนยาว เหมาะสำหรับเป็นของขวัญครบรอบการแต่งงานปีที่ 15 และ 40 ทั้งยังช่วยเสริมความมั่นใจในตนเอง เพิ่มพลังบวก กระตุ้นแรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์  เป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ และความภักดี


ความหมายของ “ทับทิม” แต่ละเฉดสี

  • สีแดงสด หมายถึง ความหลงใหล พลังอำนาจ ความมั่งคั่ง

  • สีแดงชมพู หมายถึง ความรัก ความเมตตา ความโรแมนติก

  • สีแดงม่วง หมายถึง ความลึกลับ หรูหรา อำนาจ

  • สีแดงส้ม หมายถึง ความมีชีวิตชีวา ความสนุกสนาน ความสำเร็จ

  • สีแดงน้ำตาล หมายถึง ความมั่นคง ความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจ

    Shades of Ruby Quality
    Shades of Ruby (Photo Credit: Navneetgems)

    “ทับทิม” ที่มีชื่อเสียงของโลก


    - ทับทิมรอสเซอร์ รีฟส์ สตาร์ (Rosser Reeves Star Ruby) ทับทิมสตาร์ที่ใหญ่และงดงามที่สุดในโลกเม็ดนี้มีขนาด 138.7 กะรัต เจียระไนแบบหลังเบี้ย (Cabochon) มีปรากฏการณ์สตาร์ (Asterism) เป็นรูปดาว 6 แฉกที่สวยงามปรากฏอยู่ภายใน มีต้นกำเนิดในศรีลังกา แต่ไม่ทราบประวัติในช่วงแรก เมื่อถูกพ่อค้าอัญมณีในลอนดอนซื้อไปในช่วงปลายทศวรรษปี 1950 ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่สถาบันสมิธโซเนียน กรุงวอชิงตัน ดีซี (Smithsonian Institution  Washington, D.C.)


    Rosser Reeves Star Ruby (Photo Credit: Smithsonian National Museum of Natural History)
    Rosser Reeves Star Ruby (Photo Credit: Smithsonian National Museum of Natural History)

    - ทับทิมเดอลอง สตาร์  (DeLong Star Ruby) ทับทิมสตาร์ ขนาด 100.1 กะรัต จากประเทศเมียนมาร์  (Myanmar) ถูกค้นพบในช่วงทศวรรษปี 1930 เจียระไนแบบหลังเบี้ย (Cabochon) มีปรากฏการณ์สตาร์ (ASterism) เป็นรูปดาว 6 แฉกปรากฏอยู่ภายใน ตั้งชื่อตามเจ้าของคือ เอดิธ แฮกกิน เดอลอง (Edith Haggin DeLong) นักสะสมอัญมณีและแร่ธาตุพิเศษ เดอลองซื้อทับทิมนี้ในปี 1937 จากมาร์ติน ลีโอ เออร์มันน์ (Martin Leo Ehrmann) นักสะสมชื่อดังที่เดินทางไปทั่วโลกเพื่อค้นหาแร่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยเออร์มันน์ได้ขายทับทิมเม็ดนี้ให้กับเดอลองในราคา 21,400 เหรียญสหรัฐ จากนั้นในปี 1937 เดอลองจึงบริจาคทับทิมเม็ดนี้ให้กับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติอเมริกันในนิวยอร์ก (American Museum of Natural History, New York) 

    DeLong Star Ruby
    DeLong Star Ruby (Photo Credit: American Museum of Natural History)

    - ทับทิมซันไรส์ (Sunrise Ruby) ทับทิมสีแดงเลือดนกพิราบ (Pigeon Blood) น้ำหนัก 25.59 กะรัต จากประเทศเมียนมาร์ (Myanmar) อยู่บนตัวเรือนที่ออกแบบพิเศษโดยแบรนด์คาร์เทียร์ (Cartier) ถือเป็นทับทิมที่หายากที่สุด โดยสถาบันอัญมณีศาสตร์แห่งสวิส (The Swiss Gemmological Institute) ได้ยกย่องทับทิมเม็ดนี้ว่าเป็น “สมบัติอันล้ำค่าของธรรมชาติ” ที่มีการเจียระไนที่มีสัดส่วนสวยงามและมีสีสันที่น่าดึงดูดใจ ซึ่งเมื่อปี 2015 ถูกประมูลไปในราคา 30.42 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 1,006 ล้านบาท) ในงานประมูลของ Sotheby's ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แหวนทับทิมวงนี้ได้สร้างสถิติโลกด้วยการเป็นทับทิมที่ถูกประมูลไปในราคาสูงที่สุดโดยมีราคาต่อกะรัตสูงที่สุด (1.2 ล้านเหรียญสหรัฐต่อกะรัต และเป็นอัญมณีที่มีราคาแพงที่สุดของคาร์เทียร์ “ผมไม่เคยพบเห็นทับทิมเมียนมาร์ขนาดพิเศษที่มีสีโดดเด่นเช่นนี้อีกเลยในรอบ 40 ปี” เดวิด เบนเน็ตต์ (David Bennett) ประธานฝ่ายเครื่องประดับระหว่างประเทศของ Sotheby's กล่าว

    Sunrise Ruby
    Sunrise Ruby (Photo Credit: Christies)

    - ทับทิมเอสเตรลา เดอ เฟอรา (Estrela de Fura) ทับทิมสีแดงเลือดนกพิราบ ขนาด 55.22 กะรัต จากเหมืองในโมซัมบิก ถูกค้นพบเมื่อปี 2022 ครองตำแหน่งทับทิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน และยังทุบสถิติทับทิมที่ถูกประมูลไปในราคาที่สูงที่สุดในโลกด้วยราคากว่า 34.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 1.2 พันล้านบาท) ยืนหนึ่งแทนที่ "ทับทิมซันไรส์" ที่ครองสถิติทับทิมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและแพงที่สุดในโลกก่อนหน้านี้ บริษัท FURA Gems ได้ขุดพบทับทิมเม็ดนี้โดยมีขนาด 101 กะรัต ซึ่งได้รับการขนานนามในภาษาโปรตุเกสว่า 'Estrela de FURA' หรือ Star of FURA Estrela de FURA เปิดตัวที่ดูไบในเดือนกันยายนปี 2022 และได้รับความสนใจจากทั่วโลกอย่างรวดเร็วในฐานะทับทิมที่มีคุณภาพสูงและใหญ่ที่สุดที่เคยค้นพบ ในเดือนมกราคม 2023 บริษัท FURA Gems ได้รวบรวมที่ปรึกษาชั้นนำด้านอัญมณีจากทั่วโลก รวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท กาโร๊ด (Garaude) ประเทศฝรั่งเศส และทีมวิศวกร 3D จากบริษัท บิลเลโรฟอน เจมแล็บ (Bellerophon Gemlab) เพื่อประเมินทางเลือกในการเจียระไน กำหนดน้ำหนัก รูปร่าง และแนวทางการเจียระไนที่เหมาะสมที่สุด โดยทับทิมเม็ดนี้ได้รับการเจียระไนและขัดเงาอย่างปราณีตโดยผู้เชี่ยวชาญในกรุงเทพมหานคร ทำให้ได้ทับทิมเจียระไนทรงหมอนอิง (Cushion Cut) ขนาด 55.22 กะรัต ที่ไม่เพียงแต่โดดเด่นในด้านขนาดที่ใหญ่เท่านั้น แต่ยังโดดเด่นด้วยสีแดงสดใสและมีความใสที่เหนือชั้นอีกด้วย

    Estrela de Fura
    Estrela de Fura (Photo Credit: Sothebys)

    URL อ้างอิง:
    external-site