5 อัญมณีในเฉด “Mocha Mousse” สีแห่งพันโทนประจำปี 2025
ในทุก ๆ ปี สถาบันสี Pantone (พันโทน) จะคัดเลือก ‘สีแห่งปี (Color of the Year)’ เพื่อสะท้อนแนวโน้มด้านวัฒนธรรม การออกแบบ และกระแสทางวัฒนธรรมของโลกในปัจจุบัน สำหรับปี 2025 สีที่ได้รับเลือกคือ ‘Mocha Mousse’ (PANTONE 17-1230) สีน้ำตาลที่แสนนุ่มนวลในโทนช็อกโกแลตที่อบอุ่น หรูหรา และเปี่ยมด้วยความสง่างาม
สีสันของ ‘Mocha Mousse’ แสนอร่อยที่จะทำให้คุณหิว
สีน้ำตาลที่นุ่มนวลและอบอุ่นนี้สื่อถึง “โกโก้ ช็อกโกแลต และกาแฟ” ที่นำพาประสาทสัมผัสของเราไปสู่ความสุขและความอร่อย โดยที่เราสามารถแบ่งปันความสุขและความอร่อยนี้ไปให้กับผู้อื่นได้ ทั้งยังเป็นสีที่แสดงถึงความรู้สึกพึงพอใจ สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความสงบภายในจิตใจ ความสมดุลทางอารมณ์ การสอดประสานวิถีชีวิตให้เข้ากับโลกและสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเรา เพื่อความรู้สึกที่ดีทั้งทางจิตใจ จิตวิญญาณ และร่างกาย
ทำไมต้อง ‘Mocha Mousse’ ?
‘Mocha Mousse’ เฉดสีเอิร์ธโทนที่ให้ความรู้สึกหรูหรา แรงบันดาลใจที่ได้จากธรรมชาติ เช่น โกโก้ กาแฟ ช็อกโกแลต และไม้ เป็นตัวแทนของความสงบสุข การเชื่อมโยงกับธรรมชาติและการพักผ่อนซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนปรารถนา ซึ่งในปัจจุบันผู้คนเริ่มมองหาความเรียบง่ายและสมดุลในชีวิต สีน้ำตาลเฉดนี้จึงสะท้อนถึงความอบอุ่นและความสะดวกสบายทางจิตใจที่ยังคงความหรูหราและความสวยงามแบบร่วมสมัย
สถาบันสี Pantone ระบุว่า ‘Mocha Mousse’ ได้รับเลือกให้เป็นสีประจำปี 2025 เนื่องจากมีกระแสนิยมที่มนุษย์ต้องการปรับตัวเข้าหาธรรมชาติมากขึ้น ‘สีน้ำตาล’ จึงเป็นตัวแทนที่ดีที่สุดเพราะเป็นสีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สื่อถึงธรรมชาติได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ‘Mocha Mousse’ ยังสื่อถึงแนวคิดที่ว่า “สีสามารถสร้างอารมณ์และเชื่อมโยงความรู้สึกของผู้คนได้” ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้คนให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตและการสร้างพื้นที่ปลอดภัย สีนี้จะเป็นตัวแทนของความผ่อนคลายและการดูแลตัวเอง “การแสวงหาความสมดุลที่ไม่สิ้นสุดนั้นแทรกซึมอยู่ในทุกแง่มุมของชีวิตเรา รวมถึงความสัมพันธ์ งานที่เราทำ การเชื่อมโยงทางสังคม และสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเรา” ลอรี เพรสแมน (Laurie Pressman) รองประธานสถาบันสี Pantone กล่าว
‘Mocha Mousse’ เป็นสีที่สื่อถึงความหรูหราได้เป็นอย่างดี ซึ่งความอ่อนโยนนุ่มนวลของเฉดสีน้ำตาลยังเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอัญมณีที่มีโทนสีธรรมชาติเป็นอย่างมาก โดย 5 อัญมณีที่อยู่ในโทนสีเดียวกับ ‘Mocha Mousse’ และเป็นอัญมณีที่สามารถนำไปทำเป็นเครื่องประดับได้หลากหลาย ทั้งยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เรียบง่าย และแฝงไปด้วยความเรียบหรู มีดังต่อไปนี้
สโมกกี้ควอตซ์ (Smoky Quartz)
สโมกกี้ควอตซ์ เป็นแร่ในตระกูลควอตซ์ (Quartz) ชนิดผลึกเดี่ยวขนาดใหญ่ที่มีสีดำคล้ายควันไฟ เทาแกมเหลืองจนถึงสีน้ำตาล สีเกิดจากการเข้าแทนที่ของซิลิกาโดยอะลูมิเนียมในเนื้อผลึก มีความแข็งเท่ากับ 7 ตามสเกลของโมส์ นอกจากนี้ การปรับปรุงคุณภาพด้วยวิธีการเผาจะทำให้สโมกกี้ควอตซ์สีจางลงและการอาบรังสีควอตซ์ไร้สี (Rock Crystal) ก็จะทำให้ได้สโมกกี้ควอตซ์เช่นกัน โดยแหล่งที่พบคือ บราซิล (Brazil) ศรีลังกา (Sri Lanka) มาดากัสการ์ (Madagascar) ฯลฯ
สโมกกี้ควอตซ์ เป็นอัญมณีที่พบเห็นได้ทั่วไปมักไม่ได้รับความนิยม แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสโมกกี้ควอตซ์ได้กลายเป็นอัญมณีที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำเครื่องประดับ เนื่องจากมีสีเหมือนกาแฟเข้ม ๆ ที่ดูนุ่มนวลหรือคาราเมลอบอุ่น เป็นเอกลักษณ์ โดดเด่น ดูแปลกตา ซึ่งจะมีอัญมณีสีน้ำตาลหรือสีดำเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่ถูกนำมาใช้ทำเป็นเครื่องประดับ
สโมกกี้ควอตซ์ เป็นสัญลักษณ์ของแสงที่สะท้อนสู่ความมืดมิด นำมาซึ่งการเริ่มต้นใหม่และโอกาสใหม่ ๆ ช่วยให้ร่างกาย จิตใจ มีความมั่นคงและผ่อนคลาย เหมาะสำหรับผู้ที่มักมีจิตใจล่องลอย ไม่สามารถจดจ่อกับอะไรได้ ไม่เพียงแต่ช่วยทำให้จิตใจปลอดโปร่งเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณมีสติสัมปชัญญะมากขึ้น สโมกกี้ควอตซ์ยังช่วยให้คุณค้นพบแรงผลักดันและความมุ่งมั่นที่บางครั้งรู้สึกว่าสูญไปในชีวิตประจำวันไปโดยเปล่าประโยชน์
ตาเสือ (Tiger's eye)
ตาเสือ หรือที่รู้จักกันในอีกนามหนึ่งว่า “คดไม้สัก” เป็นแร่ในตระกูลควอตซ์ (Quartz) เช่นเดียวกับแอเมทิสต์และซิทริน มีความแข็งระดับ 7 ตามโมห์สเกล ตาเสือเป็นควอตซ์ชนิดเนื้อละเอียด ทึบแสง มีสีเหลืองอมน้ำตาลไปจนถึงน้ำตาลเข้ม มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่แสดงปรากฎการณ์ตาแมว (Chatoyancy) ที่เกิดจากเส้นใยของแร่ คริสโซไทล์ (Chrysotile) ซึ่งมีสีฟ้าอมเทา แต่ถ้ามีแร่ไลมอไนต์ (Limonite) ปนอยู่จะมีลักษณะเป็นเหลือบสีทองและน้ำตาลเข้มมีความแวววาวคล้ายคลื่นของน้ำผึ้งและช็อกโกแลตที่หมุนวน และด้วยลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของอัญมณีชนิดนี้ ตาเสือจึงมักถูกเจียระไนแบบหลังเบี้ย หรือขัดเกลาเป็นลูกปัด เพื่อให้สามารถอวดลวดลายได้อย่างเด่นชัด สำหรับแหล่งที่มีการขุดพบพลอยตาเสือ ได้แก่ แอฟริกาใต้ บราซิล อินเดีย ไทย เมียนมา ออสเตรเลีย เป็นต้น
ตาเสือ เป็นอัญมณีซึ่งเป็นที่รู้จักที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และมีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมความเชื่อต่างๆ ของมนุษย์มาอย่างยาวนาน ในอดีตผู้คนได้นำเอาอัญมณีชนิดนี้มาทำเป็นเครื่องรางด้วยเชื่อกันว่ามันมีพลังในการปกป้องคุ้มครอง สามารถช่วยให้ผู้เป็นเจ้าของแคล้วคลาดจากอันตราย คำสาป และสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ได้ ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของการปกป้องและความปลอดภัยเปรียบเสมือน “ดวงตาเสือ” ที่คอยเฝ้าระวังภัยให้กับผู้สวมใส่ ใช้เป็นเครื่องรางในการปกป้องจากอันตราย ช่วยป้องกันพลังงานลบ เสริมความมั่นคง ความกล้าหาญและพลังใจ ช่วยปรับสมดุลระหว่างอารมณ์และเหตุผล เสริมความสามารถในการตัดสินใจอย่างมั่นคงและมีสติ นอกจากนี้ในหลายวัฒนธรรม ‘ตาเสือ’ เชื่อว่าเป็นหินแห่งโชคลาภและช่วยดึงดูดความมั่งคั่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มโอกาสด้านการงานหรือการเงินอีกด้วย
มุก (Chocolate Pearl)
มุกสีน้ำตาล หรือมุกสีช็อกโกแลต ผลิตจากมุกน้ำเค็มที่มีสีเป็นเอกลักษณ์คือมีสีน้ำตาลนุ่มละมุนคล้ายกับสีของ ‘ช็อกโกแลต’ มีเฉดสีตั้งแต่สีน้ำตาลเข้ม สีบลอนด์ ไปจนถึงสีทองแดง โดยสีอันเป็นเอกลักษณ์นี้ทำให้มุกชนิดนี้ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชื่นชอบเครื่องประดับมุก เพราะมีสีที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ หายาก และมีราคาสูง โดยมุกช็อกโกแลตส่วนใหญ่เกิดจากหอยมุกชนิดหนึ่งรู้จักกันในชื่อ “หอยมุกดำ” (Black-lipped Pearl Oyster) สายพันธุ์ Pinctada Margaritifera ซึ่งปกติจะผลิตมุกสีดำหรือสีเทา แต่มุกที่มีสีช็อกโกแลตนั้นเกิดขึ้นได้จากปัจจัยทางธรรมชาติและกรรมวิธีพิเศษในการเพาะเลี้ยง ซึ่งหนึ่งในหอยมุกที่ผลิตมุกสีช็อกโกแลตได้สวยที่สุดก็คือ ‘มุกฟิจิ’
มุกฟิจิ (Fijian Pearl) เป็นมุกน้ำเค็มเกิดจากหอยสายพันธุ์ Pinctada Margaritifera Typica อยู่ในสปีชีส์เดียวกับหอยมุกขอบสีดำตาฮีติ (Tahitian Black-lipped pearl oyster) พบได้เฉพาะในน่านน้ำอันบริสุทธิ์ของแปซิฟิกใต้รอบๆ เกาะฟิจิเท่านั้น โดยถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติคือแนวปะการังรอบเกาะขนาดค่อนข้างใหญ่ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นเทือกเขาในมหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันตก
มุกฟิจิเป็นมุกหายากที่สุดชนิดหนึ่งที่ได้จากการเพาะเลี้ยง ซึ่งการผลิตมุกเลี้ยงจากหอยมุกฟิจิ (Fijian Pearl Oyster) ส่วนใหญ่มาจากการเก็บตัวอ่อนในธรรมชาติเสริมด้วยการเพาะในโรงเพาะพันธุ์ แหล่งผลิตตั้งอยู่ในแถบอ่าวขนาดใหญ่ที่มีคลื่นลมสงบบนเกาะเทือกเขาขนาดใหญ่ แต่จะไม่อยู่ตามเกาะปะการังรูปวงแหวน และมีการผลิตที่จำกัดเนื่องจากความหายากของหอย โดยผลิตมุกเลี้ยงได้สูงสุด 50,000 เม็ดต่อปี เนื่องจากความหายากและสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ของมุกฟิจิ จึงทำให้มุกชนิดนี้มีมูลค่าสูงต่อกะรัตเมื่อเทียบกับมุกเลี้ยงชนิดอื่นๆ
มุกเลี้ยงแบบใช้แกนลูกปัดจากหอยมุกฟิจิ ขนาดทั่วไปโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 10.0 - 13.0 มม. โดยมีน้อยกรณีที่จะขนาดใหญ่กว่า 16 มม. ส่วนมุกเลี้ยงแบบไม่ใช้ลูกปัดจากหอยมุกฟิจิ ขนาดทั่วไปมีตั้งแต่ขนาดเล็ก (Seed Pearl) จนถึง 8 มม. ส่วนใหญ่มุกฟิจิมีสี “เอิร์ธโทน” ที่ค่อนข้างหายาก ซึ่งมีสีหลัก ได้แก่ สีทอง ทองแดง ม่วงเหล้าองุ่น (Burgundy) เขียว-พิสตาชิโอ ฟ้าพาสเทล และช็อกโกแลต มุกเลี้ยงฟิจิมีสีรองทั้งแบบที่ดูเด่นชัดและนุ่มนวล อันได้แก่ สีชมพู ทอง ทองแดง เขียวสด น้ำเงิน และม่วงน้ำเงิน นอกจากนี้ยังมักพบมุกเลี้ยงที่มีสีโอเวอร์โทนมากกว่า 2-3 สี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมุกเลี้ยง รูปวงแหวนและมุกเลี้ยงรูปบารอค (Baroque)
มุกสีช็อกโกแลต เป็นสัญลักษณ์ของความสมดุล ความน่าเชื่อถือ การเยียวยารักษา ความสะดวกสบาย และการปกป้องคุ้มครอง นอกจากนี้ยังแสดงถึงความสุขสบายและความมั่งคั่งได้อีกด้วย
เพชร (Cognac Diamond)
เพชรสีน้ำตาล เป็นเพชรสีที่พบได้บ่อยที่สุดแต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยม โดยมีเฉดสีตั้งแต่สีน้ำตาล น้ำตาลอมเหลือง และน้ำตาลอมส้ม โดยเพชรสีน้ำตาลอ่อนมีชื่อเรียกทางการค้าว่า ‘สีแชมเปญ (Champagne)’ ส่วนเพชรสีน้ำตาลเข้มมีชื่อเรียกทางการค้าว่า ‘สีคอนยัค (Cognac)’ ซึ่งสาเหตุของการเกิดสีน้ำตาลมี 2 ประการ ส่วนใหญ่เกิดจากการเลื่อนตัวของอะตอมเป็นแนวระนาบหลายแนวขนานกัน เรียกว่า ‘Brown Graining’ และอีกสาเหตุที่พบได้น้อยกว่าก็คือ การเข้าแทนที่ของไฮโดรเจนและไนโตรเจนอะตอมเดี่ยวเพชรสีน้ำตาล นับเป็นเพชรสีที่มีมูลค่าน้อยกว่าเพชรสีอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง สีชมพู สีน้ำเงิน หรือสีเขียว
แหล่งกำเนิดเพชรสีแชมเปญและคอนยัคที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่เหมืองเพชร ‘อาร์ไกล์ (Argyle)’ ในประเทศออสเตรเลียและยังขุดได้ในแอฟริกาและไซบีเรียอีกด้วย เพชรสีน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบคือ 'Incomparable Diamond' ซึ่งพบเมื่อปี 1980 โดยเด็กหญิงคนหนึ่งที่กำลังเล่นอยู่ที่กองเศษหินใกล้กับเหมืองเพชร MIBA ในคองโก (ซึ่งในขณะนั้นเรียกว่าซาอีร์) เมื่อเจียระไนแล้วมีน้ำหนักถึง 407.48 กะรัตและไร้ตำหนิภายใน
เพชรสีคอนยัคหรือสีน้ำตาล เป็นสัญลักษณ์ของความมั่นใจ ความสง่างาม ความมั่นคง ความซื่อสัตย์ และความอบอุ่น สำหรับผู้ที่รักธรรมชาติและใส่ใจสิ่งแวดล้อม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใครก็ตามที่กำลังมองหาเครื่องประดับที่มีเอกลักษณะเฉพาะตัว ไม่ซ้ำใคร และเปล่งประกายระยิบระยับในขณะที่ยังคงความเป็นสีน้ำตาลอบอุ่น
โทแพซ (Brown Topaz)
โทแพซ เป็นแร่ซิลิเกตที่ประกอบด้วยอะลูมิเนียม (Aluminum) และฟลูออรีน (fluorine) มีสูตรเคมีคือ Al2SiO4 (F, OH)2 โดยโทแพซมีความแข็งเท่ากับ 8 ตามสเกลของโมส์ (Mohs Scale) พบได้เกือบทุกสี ตั้งแต่ใสไม่มีสี เหลือง ส้ม น้ำตาล ชมพู แดง แดงแกมม่วง ฟ้าอ่อน ถึงฟ้าเข้ม และเขียวอ่อน โดยสีที่มีราคาและเป็นที่นิยม คือ สีส้มแกมแดงหรือแดงแกมชมพู เรียกว่า อิมพีเรียลโทแพซ (Imperial Topaz) สีน้ำตาลอมเหลืองจนถึงสีส้มแกมน้ำตาล เรียกว่า เชอร์รี่โทแพซ (Sherry Topaz) สีชมพู เรียกว่า โทแพซสีชมพู (Pink Topaz) สำหรับสีฟ้า เรียกว่า โทแพซสีฟ้า (Blue Topaz) พบมากที่สุดซึ่งเกิดจากการปรับปรุงคุณภาพด้วยการอาบรังสี โดยจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันตามโทนสี ชนิด และปริมาณของรังสีที่ใช้ เช่น สกายบลูโทแพซ ลอนดอนบลูโทแพซ เป็นต้น
ส่วนโทแพซในโทนสีน้ำตาล (Brown Topaz) อาจพบชื่อเรียกอื่นๆ ว่า ‘สโมกกี้โทแพซ (Smoky Topaz)’ ซึ่งเป็นชื่อที่ไม่ถูกต้องทางวิชาการสำหรับอัญมณี ซึ่งมีสีตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนจนถึงสีน้ำตาลเข้มคล้ายควันไฟในเฉดที่ดูนุ่มนวลราวกับโทนสีไม้อบอุ่น มีเสน่ห์ อาจทำให้สับสนกับสีของ ‘สโมกกี้ควอตซ์ (Smoky Quartz)’ ได้
โทแพซสีน้ำตาล เป็นสัญลักษณ์ของความความมั่นคง ความยืดหยุ่น ความแข็งแกร่ง และความอดทนช่วยให้เกิดความสมดุลทางอารมณ์ ความมั่นคงในชีวิต เกิดความชัดเจนและความสงบภายในจิตใจ จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่ต้องการอัญมณีที่โดดเด่น แต่เรียบง่าย นอกจากนี้ คุณสมบัติของโทแพซสีน้ำตาลยังกล่าวกันว่าจะนำพาความรู้สึกดี ๆ มาให้ผู้สวมใส่
หากใครที่สนใจเรื่องราวของ "อัญมณีและเครื่องประดับ" สามารถสืบค้นหนังสือได้จาก https://elibrary.git.or.th/ หรือเข้ามาใช้บริการอ่านหนังสือได้ที่ ห้องสมุดอัญมณีและเครื่องประดับ ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ถนนสีลม เปิดให้บริการวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น. หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
URL อ้างอิง: