หน้าหลัก

“Alta Gioielleria” โลกแห่งศิลปะไฮจิวเวลรี่ของ Dolce & Gabbana

Admin J. พฤษภาคม 6, 2025 58 4

    หากพูดถึงเครื่องประดับชั้นสูง (High Jewellery) คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “Dolce & Gabbana” คือหนึ่งในแบรนด์ที่ทรงอิทธิพลในวงการนี้ ด้วยความเป็นเลิศด้านงานฝีมือและการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้แบรนด์ดังจากอิตาลีแบรนด์นี้ได้รวบรวมผลงานชิ้นเอกของตัวเองไว้ในหนังสือหรูเล่มล่าสุดที่มีชื่อว่า “Dolce & Gabbana Alta Gioielleria: Masterpieces of High Jewellery”


สมบัติล้ำค่าบนแผ่นกระดาษ

    หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงแต่เป็นการรวบรวมภาพถ่ายสวยงาม แต่ยังเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์สำคัญของวงการเครื่องประดับชั้นสูงไว้อย่างสมบูรณ์แบบ จัดพิมพ์โดย Rizzoli ในเดือนตุลาคม 2023 ที่ได้บรรณาธิการโดย Carol Woolton (แครอล วูลตัน) นักประวัติศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องประดับระดับโลกและบรรณาธิการร่วมของนิตยสาร British Vogue หนังสือเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบ 10 ปีของคอลเลกชัน “Alta Gioielleria” (อัลตา โจเยลเลอเรีย) ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2012 ที่เมืองทาออร์มินา (Taormina) ประเทศอิตาลี ด้วยความหนาถึง 384 หน้า หนังสือเล่มนี้จึงเป็นดั่งพิพิธภัณฑ์ขนาดพกพาที่เก็บรวบรวมความงดงามของเครื่องประดับชั้นสูงเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นงานผลิตหนังสือระดับพรีเมี่ยม ขอบทองเพิ่มความหรูหราให้กับหนังสือเล่มนี้ สมกับการเป็นตัวแทนของแบรนด์หรูระดับโลก


เปิดม่านสู่ศิลปะการรังสรรค์ผลงานระดับโลก

    นี่คือครั้งแรกที่ Dolce & Gabbana เปิดเผยโลกของ Alta Gioielleria สู่สายตาของสาธารณชนอย่างเต็มรูปแบบ หนังสือนำเสนอเครื่องประดับชิ้นเอกที่ผสานความคิดสร้างสรรค์และมรดกของช่างฝีมืออิตาลี โดยแต่ละชิ้นถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยความพิถีพิถันและเป็นเอกลักษณ์ที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก (one-off pieces) ไม่มีการผลิตซ้ำ ซึ่งอัญมณีทุกชิ้นผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน ที่ได้รับการรับรองคุณภาพจากสถาบันวิจัยอัญมณีชั้นนำของโลก อัญมณีบางชิ้นได้รับการเจียระไนในแบบเฉพาะของ Dolce & Gabbana ซึ่งไม่สามารถพบได้ที่ใดในโลก


ศิลปะการทำเครื่องประดับที่กำลังสูญหาย

    หนึ่งในเสน่ห์ของคอลเลกชัน “Alta Gioielleria” คือการอนุรักษ์เทคนิคการทำเครื่องประดับแบบดั้งเดิมของอิตาลีที่กำลังค่อยๆ สูญหายไป เครื่องประดับทุกชิ้นถูกทำขึ้นด้วยมือโดยช่างผู้เชี่ยวชาญในโรงงานของ Dolce & Gabbana เท่านั้น โดยในหนังสือเผยให้เห็นถึงเทคนิคอันละเอียดอ่อน ยกตัวอย่างเช่น

- Micro Mosaics (ไมโครโมเสก) : หนึ่งในเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเครื่องประดับ Alta Gioielleria คือการใช้เทคนิคไมโครโมเสก ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากโมเสกที่ประดับใน St. Mark's Basilica (มหาวิหารซันมาร์โก) มีช่างฝีมือเพียงไม่กี่คนที่สามารถผลิตโมเสกขนาดเล็กได้โดยใช้กรรมวิธีโบราณในการหมุนและดึงแก้วร้อนที่หลอมเหลว วัสดุแก้วเคลือบจะถูกให้ความร้อนบนเปลวไฟและ “ปั่นด้วยมือ” ปล่อยให้แท่งไม้เย็นตัวและแข็งตัวก่อนจะแยกด้วยมือทีละแท่งจนเป็นแผ่นเล็กๆ ที่เรียกว่า Tesserae (เทสเซอรี)

Milgrain (มิลเกรน) : เทคนิคการตกแต่งด้วยเม็ดโลหะจิ๋วเรียงต่อกันคล้ายเม็ดข้าวสาร สร้างความวิจิตรให้กับขอบและพื้นผิวของเครื่องประดับ

Filigree (ฟิลลิกรี) : งานลวดถักสานละเอียดที่สร้างลวดลายโปร่งบางคล้ายลูกไม้

Twisted Wire (ทวิสต์ ไวร์) : เทคนิคการบิดเกลียวลวดโลหะเพื่อสร้างมิติและความซับซ้อนให้กับชิ้นงาน


    นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานวัสดุพิเศษอื่นๆ เช่น งานจิตรกรรมขนาดเล็ก หรือภาพวาดขนาดจิ๋ว (miniatures) ที่วาดด้วยมือ การเคลือบอีนาเมล (enamels) ที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง และการใช้ปะการัง (corals) อันเป็นวัสดุที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในศิลปะเครื่องประดับของอิตาลี


มรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมที่สวมใส่ได้

    ชิ้นงานแต่ละชิ้นของ “Alta Gioielleria” ไม่เพียงแค่เป็นเครื่องประดับ แต่ยังเป็นงานศิลปะที่สะท้อนมรดกทางวัฒนธรรมอิตาลี เรื่องราวของประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และความเชื่อที่ถูกถ่ายทอดผ่านอัญมณีและโลหะมีค่า หนังสือเล่มนี้พาผู้อ่านเดินทางไปยังแหล่งที่มาของอัญมณีทั่วโลก จากเหมืองในแอฟริกาไปจนถึงการค้นหาไข่มุกในทะเลแถบเอเชีย เผยให้เห็นถึงความพิถีพิถันในการคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศ


เสียงจากผู้อ่าน: ความประทับใจที่เหนือความคาดหมาย


“หนังสือเล่มนี้เป็นงานชิ้นเอกที่ควรค่าแก่การสะสม ภาพถ่ายคุณภาพสูงทำให้รู้สึกเหมือนได้สัมผัสเครื่องประดับจริงๆ” — เจนนิเฟอร์ ผู้หลงใหลในเครื่องประดับ


“เป็นหนังสือที่ทำให้ผมได้เห็นมุมมองใหม่ของ Dolce & Gabbana ที่ไม่ใช่แค่แบรนด์แฟชั่น แต่เป็นบ้านแห่งศิลปะและงานฝีมือระดับสูง” — มาร์คัส นักสะสมหนังสือแฟชั่น


“ขอบหน้าหนังสือปิดทองและคุณภาพการพิมพ์ทำให้หนังสือเล่มนี้ดูหรูหราไม่แพ้เครื่องประดับที่อยู่ในหน้ากระดาษ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับคนรักเครื่องประดับ” — โซเฟีย นักออกแบบเครื่องประดับรุ่นใหม่


    ไม่เพียงแต่นักสะสมและผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่ชื่นชมหนังสือเล่มนี้ ผู้อ่านทั่วไปหลายคนยังแสดงความประทับใจกับการนำเสนอที่ละเอียด และเรื่องราวเบื้องหลังการสร้างสรรค์เครื่องประดับแต่ละชิ้น ที่ผู้อ่านหลายคนบอกว่าได้ค้นพบแรงบันดาลใจใหม่ ๆ จากการได้เห็นกระบวนการทำงานของช่างฝีมือระดับสูง


“การได้เห็นรายละเอียดของเทคนิค filigree ทำให้ผมเข้าใจว่าทำไมเครื่องประดับบางชิ้นถึงใช้เวลาสร้างนานเป็นปี มันไม่ใช่แค่ความสวยงาม แต่เป็นการบันทึกเวลาและความอดทนของช่างฝีมือ” — เอเดรียน นักสะสมศิลปะ


    สำหรับผู้หลงใหลในเครื่องประดับและศิลปะ “Dolce & Gabbana Alta Gioielleria: Masterpieces of High Jewellery” ถือเป็นหนังสือที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าที่มากเกินราคา เพราะไม่เพียงให้ความเพลิดเพลินทางสายตา แต่ยังเป็นแหล่งข้อมูลอันล้ำค่าสำหรับนักสะสม นักออกแบบ และผู้ที่ชื่นชอบเครื่องประดับชั้นสูง เป็นการบันทึกช่วงเวลาสำคัญของวงการแฟชั่นและเครื่องประดับโลกที่ควรค่าแก่การเก็บรักษา ซึ่งเครื่องประดับแต่ละชิ้นในคอลเลกชัน “Alta Gioielleria” นั้นมีมูลค่าหลายล้านบาท แต่การได้สัมผัสความงามระดับมาสเตอร์พีซในราคาที่จับต้องได้ คือโอกาสพิเศษที่ผู้อ่านไม่ควรพลาด หาอ่านได้ที่ ห้องสมุดอัญมณีและเครื่องประดับ ชั้น 1 ไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ถนนสีลม กรุงเทพฯ





Title: Dolce & Gabbana Alta Gioielleria: Masterpieces of High Jewellery

Author: Carol Woolton (Editor)

Publisher: Rizzoli

LC Call No.: NK 7398.D65 A48 2023

Collection: Jewelry Design

Read More: https://elibrary.git.or.th/book/68197e8f85de7



URL อ้างอิง: https://elibrary.git.or.th/book/68197e8f85de7
external-site