Helen Mirren กับ 'สร้อยคอ 400 กะรัต' ที่สั่นสะเทือนเวทีคานส์
บนพรมแดงของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ (Cannes Film Festival) ปี 2025 ในค่ำคืนวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีหนึ่งในลุคที่ตรึงสายตาผู้ชมทั่วโลกมากที่สุด นั่นคือการปรากฏตัวของ “Helen Mirren” นักแสดงระดับตำนานชาวอังกฤษวัย 79 ปี ในรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่อง “Colors of Time” ซึ่งมาในลุคสุดสง่างาม พร้อมเครื่องประดับที่สร้างเสียงฮือฮาไปทั่ววงการแฟชั่นและอัญมณี นั่นคือ “สร้อยคอ Marina Collier” ออกแบบโดย “Margot McKinney” นักออกแบบเครื่องประดับชื่อดังชาวออสเตรเลีย ที่ประดับประดาไปด้วยอัญมณีน้ำหนักรวมกว่า 400 กะรัต ไม่เพียงแค่ความงามของเครื่องประดับเท่านั้น แต่เป็นการมาบรรจบกันของนักแสดงระดับโลก นักออกแบบเครื่องประดับรุ่นที่สี่จากออสเตรเลีย และเครื่องประดับที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติอันงดงาม
ลอนดอนสู่ฮอลลีวูด : ก้าวแรกของนักแสดงระดับตำนาน
Helen Mirren (เฮเลน เมียร์เรน) เกิดในปี 1945 ในลอนดอน มีชื่อเดิมว่า Ilynea Lydia Mironoff (อิลีเนีย ลิเดีย มิรอนอฟ) เมียร์เรนเติบโตในครอบครัวที่มีเชื้อสายรัสเซียไหลในสายเลือด บิดาของเธอ Vasily Petrovich Mironov (วาซิลี เปตรอฟวิช มิโรนอฟ) อดีตนักดนตรีชาวรัสเซียที่ได้เปลี่ยนนามสกุลเป็น “Mirren” เพื่อให้เข้ากับสังคมอังกฤษมากขึ้น ตั้งแต่วัยเด็ก เธอมีความสนใจในการแสดงอย่างชัดเจน การเข้าร่วม National Youth Theatre และ Royal Shakespeare Company ในช่วงทศวรรษ 1960-1970 กลายเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการแสดงของอังกฤษไปตลอดกาล
จากเลดี้ แม็คเบธ สู่ ควีนเอลิซาเบธ
ความสามารถของเมียร์เรนในการถ่ายทอดตัวละครที่ซับซ้อนทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในนักแสดงที่มากความสามารถที่สุด จากการแสดงเลดี้ แม็คเบธบนเวทีเชกสเปียร์ ไปจนถึงการรับบทนักสืบเจน เทนนิสันในซีรีส์ Prime Suspect ที่ทำให้เธอคว้ารางวัล Emmy มาถึง 4 ครั้ง แต่จุดสูงสุดของอาชีพการแสดงของเธอคือการรับบท สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในภาพยนตร์ The Queen (2006) ที่ทำให้เธอคว้ารางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม พร้อมกับการได้รับยศ Dame Commander of the Order of the British Empire ในปี 2003
สไตล์ไอคอนที่ท้าทายกาลเวลา
เมียร์เรนถือเป็นหนึ่งใน สไตล์ไอคอนระดับโลก ด้วยภาพลักษณ์ที่สง่างาม กล้าทดลอง และเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทุกวัยกล้ายอมรับความเป็นตัวเองผ่านแฟชั่นและความงาม ที่น่าสนใจคือ เมียร์เรนไม่เคยหยุดทดลองกับสไตล์ส่วนตัว จากการย้อมผมสีชมพูในปี 2019 และสีฟ้าในปี 2023 ไปจนถึงการยอมรับผมสีเทาตามธรรมชาติ ในปี 2024 เมียร์เรนได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร People เกี่ยวกับการยอมรับความเป็นตัวตนของเธอ โดยระบุว่าเธอไม่ได้อยู่ในกลุ่ม “คนสวยของโลก” แต่ “เราทุกคนเป็นปัจเจก และเราทุกคนมีเอกลักษณ์ของตัวเอง สุดท้ายแล้ว มันคือการยอมรับสิ่งนั้นและปล่อยให้ตัวเองเป็นในสิ่งที่เราเป็น” ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทั่วโลก
เครื่องประดับ: อำนาจแห่งการแสดงออก
เมียร์เรน มีแนวคิดเฉพาะตัวเกี่ยวกับการใช้เครื่องประดับที่สะท้อนความเป็นตัวเธอและวิธีการมองโลก เธอเชื่อว่า “เครื่องประดับไม่ใช่แค่สิ่งของที่ประดับตกแต่ง แต่เป็นเครื่องมือในการเล่าเรื่องและสื่อสารตัวตน” ซึ่งตัวเธอมองว่าเครื่องประดับไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความงามเท่านั้น แต่ยังเป็นการถ่ายทอดความชื่นชอบและตัวตนของผู้หญิงที่กล้าจะงดงามในแบบของตนเอง
ในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025 เธอเลือกสวมสร้อยคอจากแบรนด์ “Margot McKinney” ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องการใช้วัสดุหายาก สีสันสดใส และแรงบันดาลใจจากธรรมชาติออสเตรเลีย ซึ่งช่วยเสริมภาพลักษณ์ความสง่างามและความมั่นใจของเธอได้อย่างชัดเจน และในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ L’Oréal Paris เมียร์เรนยังเพิ่มความโดดเด่นด้วยเครื่องประดับศีรษะที่มีลวดลายดอกไม้ (ใช้เทคนิค appliqué) รวมถึงต่างหูยาวประดับไข่มุก ที่เข้ากับชุดของเธอเป็นชุดราตรียาวสีดำจากแบรนด์ Badgley Mischka (แบดจ์ลีย์ มิชก้า)

มรดกครอบครัวสู่อาณาจักรเครื่องประดับ
เรื่องราวของ Margot McKinney (มาก็อต แมคคินนีย์) เริ่มต้นในปี 1884 เมื่อครอบครัว “McKinney” เริ่มธุรกิจเล็ก ๆ ในเมืองทูวูมบา รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย จากร้านขายของทั่วไปที่ค่อย ๆ พัฒนาเป็นอาณาจักรเครื่องประดับที่สืบทอดมานานถึง 141 ปี โดย มาก็อต แมคคินนีย์ ในฐานะทายาทรุ่นที่ 4 ได้สานต่อมรดกของครอบครัวด้วยวิสัยทัศน์ใหม่ ๆ เธอมองเห็นความงามของธรรมชาติในออสเตรเลียที่ยังไม่เคยมีใครนำมาใช้ในเครื่องประดับระดับโลกมาก่อน
จุดเด่นของ มาก็อต แมคคินนีย์ คือ ความสามารถในการออกแบบและสร้างสรรค์เครื่องประดับที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสีสันและพื้นผิวที่สวยงามในธรรมชาติ เช่น แนวปะการัง ป่าเขตร้อน ทะเลทรายออสเตรเลีย และมหาสมุทร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เธอมีชื่อเสียงในการเลือกใช้ไข่มุก South Sea ของออสเตรเลียและโอปอลบลูเดอร์ (Boulder Opal) รวมถึงอัญมณีสีสันสดใสจากแหล่งต่าง ๆ ทั่วโลก เครื่องประดับแต่ละชิ้นของเธอเป็นงานศิลป์ที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก บางชิ้นใช้เวลาหลายปีในการคัดสรรอัญมณีให้เหมาะสมก่อนจะออกแบบและผลิตจริง

ยืนหนึ่งบนเวทีโลก : ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
เครื่องประดับของ มาก็อต แมคคินนีย์ เป็นที่ต้องการของนักสะสมและผู้มีชื่อเสียงจากทั่วโลก โดยในปี 2006 แมคคินนีย์ได้ขยายธุรกิจไปสู่สหรัฐอเมริกาผ่านห้างสรรพสินค้าหรูระดับไฮเอนด์ของสหรัฐอเมริกาอย่าง Neiman Marcus และ Bergdorf Goodman ต่อมาเธอได้รับรางวัล Haute Joallerie Award ในปี 2009 และรางวัล Prix de Marie Claire สาขาการออกแบบเครื่องประดับ ในปี 2011 อันเป็นการการันตีถึงความสามารถของเธอในฐานะผู้สร้างสรรค์เครื่องประดับระดับไฮเอนด์ ที่ทั้งงดงาม ละเอียดอ่อน และหรูหราตามมาตรฐานโลกได้เป็นอย่างดี
จนกระทั่งในปี 2025 เมื่อเธอเปิดบูติกแรกในสหรัฐอเมริกาที่โรงแรม The Peninsula Beverly Hills และเปิดตัวผลงานระดับมาสเตอร์พีชอย่าง สร้อยคอ Marina Collier เป็นครั้งแรกในงาน TEFAF Maastricht ซึ่งเป็นงานแสดงศิลปะและเครื่องประดับระดับโลก ยังช่วยยกระดับชื่อเสียงและความน่าสนใจในตลาดเครื่องประดับหรู ทำให้สร้อยคอ Marina Collier เป็นที่จับตามองในวงการอย่างมาก การผสมผสานระหว่างความประณีตในงานฝีมือ ความหายากของวัสดุ และแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ทำให้คอลเลกชันนี้โดดเด่นและได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่างรวดเร็ว และถูกสวมใส่โดยคนดังบนพรมแดงในงานสำคัญ ๆ เช่น เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ปี 2025
Marina Collier : แรงบันดาลใจแห่งท้องทะเล
สร้อยคอ Marina Collier (มารีนา คอลลีเยร์) ผลงานการออกแบบของ มาก็อต แมคคินนีย์ ซึ่งออกแบบและผลิตขึ้นเพื่อเปิดตัวในงาน TEFAF Maastricht ที่ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องประดับธรรมดา แต่เป็นผลงานศิลปะที่บอกเล่าเรื่องราวของ Great Barrier Reef (เกรตแบร์ริเออร์รีฟ) แนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในทะเลคอรัล (Coral Sea) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก
สร้อยคอ Marina Collier เป็นการดีไซน์ที่ได้รวบรวมอัญมณีหลากชนิดที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน การเลือกใช้เบริลสีเขียวทรงหมอนอิง (Cushion Cut) ขนาด 241.14 กะรัต เป็นอัญมณีหลักสะท้อนถึงสีเขียวมรกตของน้ำทะเลเขตร้อน เบริลสีเขียวทรงวงรี ขนาด 109.48 กะรัต และอะความารีน ขนาด 65.72 กะรัต ทำหน้าที่เป็นคลื่นน้ำที่ระเริงรอบแนวปะการัง ขณะที่ไข่มุกทรงบาโรกจากทะเลใต้ขนาดใหญ่ 25 เม็ด เปรียบเสมือนฟองน้ำที่ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ สะท้อนแสงแดดด้วยประกายเงาที่เปลี่ยนไปตามมุมมอง ที่ยึดโยงกันด้วยโครงสร้างทองคำด้วยช่างฝีมือระดับมาสเตอร์
สิ่งที่ทำให้สร้อยคอ Marina Collier พิเศษไม่ได้อยู่ที่อัญมณีเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงกระบวนการผลิตที่มีความซับซ้อนและปราณีต อัญมณีหลักถูกส่งไปเจียระไนโดยช่างรุ่นที่ห้าในเมือง Idar-Oberstein (อีดาร์-โอแบร์ชไตน์) ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเจียระไนอัญมณีที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 นอกจากนี้การใช้ทองคำ 18K เป็นตัวเรือนไม่ได้เป็นเพียงการเลือกวัสดุคุณภาพสูง แต่เป็นการสร้างสมดุลระหว่างความหนักของอัญมณีกับความสวยงามของการออกแบบ ทำให้สร้อยคอที่มีน้ำหนักกว่า 400 กะรัตนี้สามารถสวมใส่ได้อย่างสวยงามและสบาย สร้อยคอเส้นนี้ไม่เพียงแต่สวยสะดุดตาเท่านั้น แต่ยังถือเป็นงานศิลปะชิ้นเอกที่ใช้เวลาหลายปีในการออกแบบและสร้างสรรค์ ภายใต้แบรนด์หรูจากออสเตรเลียอย่าง Margot McKinney ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการใช้ “อัญมณีธรรมชาติหายาก” และ “การออกแบบที่ไม่เหมือนใคร” โดยการเปิดตัวสร้อยคอ Marina Collier ที่งาน TEFAF Maastricht ถือเป็นหนึ่งในงานแสดงศิลปะและเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ยังเป็นการสะท้อนถึงความมั่นใจในคุณภาพและคุณค่าทางศิลปะของผลงานชิ้นนี้ได้เป็นอย่างดี

ค่ำคืนแห่งประวัติศาสตร์ : การพบกันของสองตำนานระดับโลก
เมื่อ "Helen Mirren" เลือกสวมใส่ “สร้อยคอ Marina Collier” เดินเฉิดฉายบนพรมแดงในงานรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์ "Colors of Time" ณ เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ค่ำคืนนั้นจึงไม่ได้เป็นเพียงอีกหนึ่งช่วงเวลาของแฟชั่นบนพรมแดง หากแต่เป็นจังหวะสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงสองศาสตร์แห่งศิลปะเข้าไว้ด้วยกัน นั่นก็คือ "นักแสดงระดับโลกกับงานจิวเวลรี่ชั้นสูงที่ออกแบบโดยนักดีไซน์เนอร์ระดับตำนาน"
การปรากฏตัวในครั้งนี้ ไม่เพียงทำให้ชื่อของ "Margot McKinney" นักออกแบบเครื่องประดับชาวออสเตรเลียเป็นที่รู้จักในระดับสากล หากยังจุดประกายบทใหม่ให้กับอุตสาหกรรมจิวเวลรี่ออสเตรเลีย และทำให้สร้อยคอ Marina Collier ได้รับความสนใจจากสื่อระดับโลก อาทิ People และ AOL ที่ต่างกล่าวถึงความวิจิตรตระการตาของผลงานชิ้นนี้อย่างกว้างขวาง ก่อให้เกิดการพูดถึงและชื่นชมในผลงานของแมคคินนีย์อย่างล้นหลาม และด้วยเหตุนี้ ค่ำคืนของวันที่ 22 พฤษภาคม 2025 ที่เมืองคานส์ จึงกลายเป็นช่วงเวลาที่โลกแห่งศิลปะ ความงาม และความสร้างสรรค์ ได้จารึกประวัติศาสตร์ร่วมกันไว้อีกครั้ง

ทำความรู้จักกับเครื่องประดับและตัวตนของนักออกแบบชื่อดังชาวออสเตรเลีย “Margot McKinney” ได้จาก “Margot McKinney World of Wonder Book” หนังสือที่ได้รวบรวมสุดยอดผลงานและบันทึกเรื่องราวการเดินทางของเธอจากช่างทำเครื่องประดับรุ่นที่สี่สู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก ได้ที่ ห้องสมุดอัญมณีและเครื่องประดับ (เร็ว ๆ นี้)
—
*บทความนี้รวบรวมจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้จากเว็บไซต์ People, AOL, McKinneys Jewellers และ Museum of Brisbane
URL อ้างอิง: