THE JEWELLERY TRENDBOOK 2027+ | ไขรหัส “ยุคควอนตัม” และ 5 เมกะเทรนด์ที่จะพลิกโฉมวงการเครื่องประดับ
ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนล้วนเผชิญหน้ากับคำถามสำคัญว่า เราจะเตรียมตัวรับมือได้อย่างไร? การ “ตามเทรนด์” อาจไม่เพียงพออีกต่อไป แต่เราต้อง “ดักทางอนาคต” ให้ได้ก่อนใคร... และนี่คือหัวใจสำคัญของหนังสือ THE JEWELLERY TRENDBOOK 2027+ เล่มล่าสุดที่เปรียบเสมือนเข็มทิศสำหรับนักออกแบบ แบรนด์ และนักการตลาดในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลก

การมาถึงของ “ยุคควอนตัม” (The Quantum Age)
THE JEWELLERY TRENDBOOK 2027+ ไม่ได้เป็นเพียงหนังสือพยากรณ์เทรนด์ประจำปี แต่ได้รับการยอมรับในฐานะ “ไบเบิล” แห่งวงการอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นคู่มืออ้างอิงระดับสากลสำหรับผู้ประกอบการ นักออกแบบ และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม จัดทำโดย Trendvision Jewellery + Forecasting หน่วยงานวิเคราะห์เทรนด์ภายใต้เครือ Italian Exhibition Group (IEG) นำโดย Paola De Luca (พาโอลา เด ลูกา) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์และผู้เชี่ยวชาญด้านการคาดการณ์เทรนด์ระดับนานาชาติ
หนังสือเล่มนี้เปิดตัวภายใต้แนวคิดหลักที่ทรงพลังคือ “THE QUANTUM AGE” ยุคใหม่ที่โลกจริง โลกเสมือน (หรือโลกดิจิทัล) ความเป็นตัวตน (หรืออัตลักษณ์) และเทคโนโลยี มาซ้อนทับกันแบบ “หลายมิติ” เหมือนควอนตัม ทุกอย่างเคลื่อนที่เร็ว เปลี่ยนสถานะได้ตลอดเวลา และผู้คนต้องการประสบการณ์ที่ “เฉพาะตัว มีความหมาย และไร้ขอบเขต” มากกว่าแค่สินค้า ซึ่งเป็นยุคที่เครื่องประดับจะเปลี่ยนสถานะจากเพียงแค่ “ของประดับ” ไปสู่การเป็น “ภาษาหลากมิติ” (Multidimensional Language) ที่ขับเคลื่อนด้วยการบรรจบกันของสามมิติหลัก ได้แก่
- เทคโนโลยีที่เร่งตัว (Accelerating Technologies) เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), การพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing), และวัสดุประสิทธิภาพสูง
- อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ลื่นไหล (Fluid Cultural Identities) การหลุดพ้นจากกรอบเดิม ๆ และเปิดรับความหลากหลาย
- ความสมดุลทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง (Shifting Geopolitical Balances) โดยเฉพาะการเติบโตของ “Global South” และแนวคิดเรื่องความยั่งยืน
ในยุคควอนตัมนี้ เครื่องประดับจึงถูกมองว่าเป็น “Techno-Cultural Artefact” หรือ “วัตถุทางวัฒนธรรมและเทคโนโลยี” ที่สะท้อนการแสดงออกทางอารมณ์ ความยืดหยุ่น การปรับตัว และวิวัฒนาการส่วนบุคคลของผู้สวมใส่
THE JEWELLERY TRENDBOOK 2027+ ชี้ให้เห็นว่า การแบ่งกลุ่มผู้บริโภคตาม “อายุ” แบบดั้งเดิมเริ่มล้าสมัย ตลาดในปัจจุบันถูกขับเคลื่อนด้วย "การแสดงออกทางอัตลักษณ์ที่ลื่นไหล" (Fluid Expressions of Identity)
รสนิยมเฉพาะบุคคล
ค่านิยมและ “เป้าหมายชีวิต” (Purpose)
มากกว่าการยึดติดกับกรอบเจเนอเรชันแบบเดิม
หนึ่งในพลังสำคัญคือ “She Economy” หรือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยโดยผู้หญิง เป็นอำนาจการซื้อของผู้หญิงยุคใหม่ที่ฉลาด เป็นอิสระ และต้องการเครื่องประดับที่สะท้อนพลัง (Empowerment) ความเป็นตัวตน และการผสมผสานระหว่างความสง่างามกับมรดกทางวัฒนธรรม
ผู้บริโภคกลุ่มนี้ไม่ได้มองหาเพียง “ความหรูหรา” ในเชิงราคา แต่กำลังมองหา ความหรูหราที่ไม่ได้วัดจากราคา วัสดุ หรือแบรนด์ใหญ่ แต่เกิดจาก ความผูกพันทางอารมณ์ (Emotional Luxury) ความคุ้มค่าในเชิงอารมณ์ เรื่องราว และตัวตนที่เครื่องประดับช่วยเล่าให้โลกรู้
เจาะลึก 5 แกนหลักของเทรนด์เครื่องประดับในปี 2027+
แก่นของ THE JEWELLERY TRENDBOOK 2027+ คือการพยากรณ์แนวโน้มสไตล์และการออกแบบในช่วงปี 2027+ โดยแบ่งออกเป็น 5 ธีมหลักที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ล้วนเชื่อมโยงกันภายใต้ 3 แนวคิดสำคัญ ดังนี้ การปรับตัว (Adaptability) ความหมาย (Meaning) และมิติใหม่ของความหรูหรา (New Luxury Codes)

(แก่นแท้แห่งโมดูลาร์: นิยามใหม่ของความสง่างาม)
แนวคิดหลัก
เครื่องประดับที่สามารถ “ประกอบ–ถอด–สลับ” ได้เหมือนเลโก้ (LEGO) หรือมีกลไกพิเศษ ทำให้ชิ้นงานยืดหยุ่น ปรับฟอร์ม เปลี่ยนลุคได้ตามอารมณ์ของผู้สวมใส่ เป็นความสง่างามที่อาศัยทั้ง “สมอง” และ “ระบบคิด” ไม่ได้ยึดติดกับสูตรความสวยแบบเดิม แต่เน้นความแม่นยำ ประณีต และความสามารถในการปรับตัว (Adaptability) เป็นการเคลื่อนจากความฟุ่มเฟือยไปสู่ความเรียบง่าย (Minimalist) และการออกแบบที่มีตรรกะทางโครงสร้างชัดเจน
ลักษณะเด่น
- ระบบโมดูลาร์ (Modular Systems) ถอดประกอบ ปรับเปลี่ยน หรือซ้อนกันได้
- แหวนซ้อน (Stackable Rings), จี้ที่เปลี่ยนส่วนประกอบได้, ตัวล็อกที่ปรับรูปทรง
- การดีไซน์สะอาดตา เรียบง่าย ซ่อนลูกเล่นแต่ไม่ซ่อนฟังก์ชันและกลไก
แรงบันดาลใจ
- ความเบาและความลื่นไหลของบัลเลต์ ผสานกับนวัตกรรมวัสดุ เครื่องประดับต้อง “ฉลาด” และ “ยืดหยุ่น” ให้ผู้สวมใส่ออกแบบรูปแบบการใช้งานได้เองในทุกสถานการณ์
วัสดุ
ทองขัดด้าน/ทองแปรผิว (Brushed Gold)
ไทเทเนียม (Titanium) เซรามิกคอมโพสิต (Ceramic Composites) หรือวัสดุเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco Materials) ที่เบา แข็งแรง และประกอบใหม่ได้หลายรอบ
การลงยาสี (Enamel) และโลหะสีต่าง ๆ เพื่อเพิ่มสีสันและความล้ำ
การออกแบบ
โชว์กลไก ยกตัวอย่างเช่น น็อต ข้อต่อ ตัวล็อก (Clasp) พวงกุญแจ (Keychains) เป็นจุดเด่น
ใช้ชิ้นส่วนรูปทรงสถาปัตยกรรมย่อย ๆ (Modular Pieces) ที่สลับ–ซ้อนเลเยอร์ได้หลายชั้น
เผยรอยต่อและโครงสร้างอย่างตั้งใจ (Assembled Finishes)
เปลี่ยนระบบนิเวศของแบรนด์จาก “ซื้อชิ้นใหม่ทั้งชุด” เป็น “ซื้อชิ้นเสริม” เพื่ออัปเดตลุค

2. DYNAMIC MOVEMENT : A New Fluid Vision
(พลวัตแห่งการเคลื่อนไหว: วิสัยทัศน์ใหม่ที่ลื่นไหล)
แนวคิดหลัก
เมื่อโลกหมุนเร็ว ดีไซน์ที่ “หยุดนิ่ง” จึงดูไม่ทันสมัย เทรนด์นี้สื่อสารเรื่อง “พลังชีวิต” และ “การเปลี่ยนแปลง” ผ่านเครื่องประดับที่เหมือนกำลังเคลื่อนไหวตลอดเวลา แม้ในขณะที่หยุดนิ่ง ได้รับอิทธิพลจากศิลปะฟิวเจอริสม์ (Futurism) และอาร์ตเดโค (Art Deco) และความเร็วของโลกดิจิทัลยุคใหม่
ลักษณะเด่น
รูปทรงเรขาคณิตล้ำยุคที่ดูเหมือนกำลังพุ่ง หมุน หรือไหล (Cascade)
มีความเป็น “Performance” เต็มไปด้วยพลังงานและความขบถ
การแบ่ง “บล็อกสี” แบบเรขาคณิต (Geo-Block) สร้างจังหวะสายตา
แรงบันดาลใจ
ศิลปะ Futurism, Art Deco
เส้นสายพุ่ง–บิด–แตกชั้นแบบ Dynamic
กราฟิกที่ดูเหมือน Motion Graphic ถูกแปลงร่างเป็นเครื่องประดับ
วัสดุ
โลหะผิวเงาวาว (High-Polish Metals) ทั้งทองคำ โลหะสีขาว และโลหะสีอื่น
เพชรและพลอยเจียระไนทรงเรขาคณิต (Geometric Cuts)
วัสดุที่สร้างคอนทราสต์, โครงสร้างแบบโซ่และตาข่าย (Chains & Mesh)
วัสดุที่เอื้อให้เกิดการเคลื่อนไหวหรือ “เล่นกับแสง”
การออกแบบ
ใช้ “การเคลื่อนไหว” เป็นองค์ประกอบหลัก ทั้งองศา มุมเฉียง และเลเยอร์ซ้อน ตัวอย่างเช่น กำไลโค้ง (Curved Cuffs), โซ่ยืดขยายได้ (Expandable Links), แหวนหรือกำไลที่แบ่งช่องสีแบบสถาปัตยกรรม
ใช้การลงยาสี (Enamel) แบบบล็อกสีตัดกัน ให้ความรู้สึกเหมือนกราฟิกเคลื่อนไหวบนร่างกาย

3. CODED COUTURE : Decoding Heritage to Recode the Future
(รหัสลับแห่งกูตูร์: ถอดรหัสตำนานสู่โลกอนาคต)
แนวคิดหลัก
การถอดรหัสประวัติศาสตร์ ความเชื่อ งานคราฟต์ และสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม แล้วแปลงให้กลายเป็น “คลังข้อมูลที่มีชีวิต” (Living Archive) บนร่างกายมนุษย์ เครื่องประดับกลายเป็นเสมือนเครื่องราง (Talisman) ยุคใหม่ที่บันทึกรากเหง้า แต่เล่าเรื่องด้วยโค้ดภาพแบบดิจิทัล
ลักษณะเด่น
การนำงานหัตถศิลป์ชั้นสูงมาถอดรหัสใหม่ในรูปแบบร่วมสมัย
ดีไซน์ที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ ความหมายหลายชั้น และโค้ดลับทางวัฒนธรรม
เครื่องประดับเป็นตัวแทนของเชื้อสาย ความเป็นเจ้าของ และพลังส่วนตัว
แรงบันดาลใจ
ลวดลายศักดิ์สิทธิ์, สัญลักษณ์โบราณ, เทคนิคช่างฝีมือดั้งเดิม
การตีความใหม่ผ่านสายตาของคนรุ่นใหม่และภาษาดิจิทัล เช่น ภาพแบบ Pixel / Data Stream
วัสดุ
ทองคำ (Yellow Gold) ในฐานะสัญลักษณ์ของความรุ่งเรืองในอดีต
มุกหรือพลอยที่มีตำหนิตามธรรมชาติ ให้ความรู้สึก “ไม่สมบูรณ์แบบแต่จริงแท้”
การลงยาสี (Enamel) เพื่อสร้างลายกราฟิกที่ดูเหมือน QR Code, Pixels, Data Stream
การออกแบบ
ผสมผสานการแกะสลัก การฉลุ และลวดลายดอกไม้/พืช/สัตว์โบราณ
นำมาถอดรหัสใหม่เป็นสัญลักษณ์ร่วมสมัยของอัตลักษณ์และความทรงจำ
ตัวอย่างการตีความเชิงสัญลักษณ์
เทียร่า (Tiara) = พลังอำนาจของตัวเอง
หน้ากาก (Masks) = ตัวตนหลายเลเยอร์
เข็มกลัดเซ็ต (Brooch Sets) = โค้ดเล็ก ๆ หลายชิ้นที่รวมกันเป็นเรื่องราวใหญ่
สร้อยคอขนาดใหญ่ (Statement Necklaces) = แผ่นป้ายประกาศตัวตนบนร่างกาย

4. CONVERGENCES : Cultural Reorientation through Ornament
(จุดบรรจบทางวัฒนธรรม: การจัดระเบียบโลกใหม่ผ่านเครื่องประดับ)
แนวคิดหลัก
นิยามใหม่ของความหรูหราไม่ได้วัดจากราคาอย่างเดียว แต่เกี่ยวกับการแสดงตัวตนที่หลากหลายและรากเหง้าทางวัฒนธรรมที่หยั่งลึก ยุคนี้ศูนย์กลางความสนใจเคลื่อนจากโลกตะวันตกไปสู่ Global South เช่น ครอบคลุมภูมิภาค MENA (ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ), แอฟริกา, เอเชียใต้, ลาตินอเมริกา
เครื่องประดับกลายเป็น “สื่อกลาง” ที่เล่าเรื่องบรรพบุรุษผ่านภาษาดีไซน์ร่วมสมัย ยกระดับงานฝีมือท้องถิ่น (Local Craft) ให้กลายเป็น “Global Luxury”
ลักษณะเด่น
การหลอมรวมหลายวัฒนธรรม หลายเทคนิค หลายอัตลักษณ์ในชิ้นเดียว
เฉลิมฉลองความเป็นลูกผสมทางวัฒนธรรม (Cultural Hybridity)
ใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด เห็นคุณค่าของวัสดุรอบตัว
แรงบันดาลใจ
การผสมผสานแรงบันดาลใจจากไทย–อินเดีย–แอฟริกา–อาหรับ–ลาติน–เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คนรุ่นใหม่ที่มีเชื้อสายผสม ต้องการเล่าเรื่อง “ตัวตนแบบหลายรากเหง้า”
วัสดุ
โลหะผิวดิบหรือผ่านการตอกลาย (Hand-hammered) ให้เห็นร่องรอยช่างฝีมือ (Human Touch)
วัสดุเหลือใช้ เช่น พลาสติกรีไซเคิล โลหะหลอมใหม่ ขยะทะเล ยกระดับเป็นศิลปะ
วัสดุพื้นถิ่น เช่น เมล็ดพืช เปลือกหอย เขาสัตว์ ไม้ เส้นใยธรรมชาติ (Raffia, Silk) ผสมกับทองหรือเพชร
การออกแบบ
- ใช้เทคนิคหลายวัฒนธรรมร่วมกัน เช่น Micro-Mosaics (อิตาลี) × Kundan (อินเดีย) × Openwork แบบโมเดิร์น ในชิ้นเดียว
- ใช้การถักทอ (Weaving), การปัก (Embroidery), การร้อยลูกปัด (Beading) เป็นโครงสร้างหลัก ไม่ใช่แค่ตกแต่ง
- ผลลัพธ์คือชิ้นงานที่ทั้งโบราณ หรู และร่วมสมัยในเวลาเดียวกัน

แนวคิดหลัก
เทรนด์ที่ล้ำและเป็นนามธรรมที่สุดในเล่ม มองเครื่องประดับเป็น “ส่วนหนึ่งของร่างกาย” และ “ผิวหนังชั้นที่สอง” ที่สื่อสารอารมณ์และความหมายอย่างแยกไม่ออกจากตัวตน ในโลกที่ AI, Metaverse และ Avatar กลายเป็นเรื่องปกติ มนุษย์จึงสร้าง “พิธีกรรมใหม่” ผ่านเครื่องประดับที่เชื่อมระหว่างร่างกาย สภาวะจิตใจ และจักรวาลดิจิทัล
ลักษณะเด่น
รูปทรงลื่นไหล ไม่ยึดติดเรขาคณิตแข็ง ๆ
เครื่องประดับเคลื่อนตามสรีระเหมือนกำลังไหลไปบนผิวหนัง
ขยายพื้นที่จากนิ้ว คอ ข้อมือ ไปสู่ใบหน้า เช่น Nose Bridges (สันจมูก), Chin Cuffs (ที่ครอบคาง) หรือ Face Masks (หน้ากาก) ที่ดูเหมือนเครื่องประดับจากอวกาศ หรือต่างหูที่ออกแบบให้คลุมไปทั่วใบหูหรือโอบรอบใบหู ให้ความรู้สึกเหมือนหูเอลฟ์หรือสิ่งมีชีวิตในตำนาน
รูปทรงที่เลียนแบบอวัยวะ กระดูก หรือเส้นเอ็น ทำหน้าที่เหมือนเป็นอวัยวะส่วนต่อขยาย (Prosthetic-Like Aesthetic) ของร่างกาย
แรงบันดาลใจ
สิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึก
โครงสร้างชีววิทยาซับซ้อน (Biology)
รูปลักษณ์ของ Avatar, สิ่งมีชีวิตในตำนาน, สิ่งมีชีวิตจากต่างดาว
วัสดุ
ไทเทเนียมอโนไดซ์ให้เกิดสีรุ้ง (Iridescent) เปลี่ยนสีตามมุมมอง
เรซินชีวภาพ / แก้วเป่าที่โปร่งใส–โปร่งแสง คล้ายของเหลวหรือเจล
ไข่มุกบาโรก (Baroque Pearls) สื่อถึง Organic Life ในโลกอนาคต
วัสดุอัจฉริยะ เช่น Thermochromic (เปลี่ยนสีตามอุณหภูมิ) หรือเรืองแสง
การออกแบบ
รูปทรงคล้ายโลหะเหลว (Liquid Metal) หรือหยดน้ำเกาะบนผิว
ดีไซน์ที่โอบรัดร่างกายเหมือนอวัยวะส่วนต่อขยาย (Prosthetic-like aesthetic)
เครื่องประดับสื่อสารการเชื่อมต่อระหว่างโลกจริง–โลกเสมือน ผ่านเลเยอร์ของผิว รอยสัก และ AR Filter
โอกาสทางธุรกิจและบทสรุปเชิงกลยุทธ์
THE JEWELLERY TRENDBOOK 2027+ ไม่ได้พูดถึงเทรนด์ด้านสไตล์เพียงอย่างเดียว แต่ยังเจาะลึก “Evolutions and Opportunities” หรือวิวัฒนาการและโอกาสทางตลาดในช่วงปี 2026–2027 ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการวางกลยุทธ์ธุรกิจ ดังนี้
- ทองคำและโลหะมีค่า (Gold & Precious Metals) วิเคราะห์ผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ การเมือง และราคาทองคำที่สูงขึ้นต่อพฤติกรรมผู้บริโภค
- อัญมณีสีและเพชร (Coloured Gemstones & Diamonds) แยกความคาดหวังระหว่างเพชรธรรมชาติ (Natural Diamonds) และเพชรที่เพาะเลี้ยงในห้องแล็บ (Lab-Grown Diamonds) ซึ่งเชื่อมโยงกับเทรนด์ Conscious Luxury และความยั่งยืน
- เทคโนโลยีและนวัตกรรม (Technologies & Innovations) การใช้ 3D Printing, Generative AI ไปจนถึงระบบ Digital Twin สำหรับออกแบบและทดลองสวมใส่ก่อนผลิตจริง
- ตลาดเจ้าสาวและเครื่องประดับชั้นสูง (Bridal & High Jewellery) เทรนด์แหวนหมั้นและเครื่องประดับสำหรับโอกาสพิเศษที่ต้องตอบโจทย์ทั้งความคลาสสิกและความเป็นตัวตนของเจ้าของในแบบ Customisable / Bespoke หรือเครื่องประดับที่ปรับแต่งได้ตามต้องการ ออกแบบเฉพาะบุคคลแบบหนึ่งเดียวในโลก
บทสรุปสำหรับผู้ประกอบการ: กุญแจสู่ความสำเร็จในยุคควอนตัม
บทสรุปสำคัญจาก THE JEWELLERY TRENDBOOK 2027+ คือ อุตสาหกรรมเครื่องประดับกำลังยืนอยู่บน “จุดเปลี่ยน” ครั้งใหญ่ ผู้เล่นในตลาดต้องก้าวให้ไกลกว่าการสร้างสรรค์ความสวยงามภายนอก แต่ต้องเข้าใจมิติทางอารมณ์ วัฒนธรรม และเทคโนโลยีที่หลอมรวมกัน
กุญแจสู่ความสำเร็จในยุคควอนตัม ได้แก่
- ผสานงานฝีมือกับเทคโนโลยี (Bridging Craft & Innovation) ใช้ 3D Printing, AI, วัสดุใหม่ และระบบดิจิทัลในการออกแบบ ทดลอง พร้อมรักษาแก่นของงานฝีมือแบบดั้งเดิม
- ความยั่งยืนและความรับผิดชอบ (Sustainability & Responsibility) ให้ความสำคัญกับวัสดุรีไซเคิล เพชร Lab-Grown และห่วงโซ่อุปทานที่โปร่งใส ตอบสนองผู้บริโภคที่ต้องการความหรูหราอย่างมีจิตสำนึก
- ความหลากหลายทางวัฒนธรรม (Cultural Diversity) เปิดรับแรงบันดาลใจจาก Global South และวัฒนธรรมลูกผสม สร้างดีไซน์ที่เข้าถึงผู้คนหลากหลายกลุ่มอย่างแท้จริง
- การออกแบบที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์และตัวตน (Emotional Design) สร้างเครื่องประดับที่ปรับตัวได้ สื่อสารได้ และสะท้อนตัวตนผู้สวมใส่อย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่ “ของสวยงาม” แต่เป็น “ภาษา” ที่เจ้าของใช้เล่าเรื่องชีวิตตัวเองได้
เตรียมพร้อมสำหรับอนาคต
THE JEWELLERY TRENDBOOK 2027+ จึงไม่ใช่แค่หนังสือเทรนด์ แต่คือ “มันสมองทางกลยุทธ์” สำหรับแบรนด์ นักออกแบบ และผู้ค้าปลีกที่ต้องการวางแผนล่วงหน้า และเป็นผู้นำในยุคที่ความหรูหราถูกนิยามใหม่ด้วยอัตลักษณ์ นวัตกรรม และความตระหนักรู้ร่วมกัน เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณเข้าใจบริบทโลกที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ให้ข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นสำหรับการกำหนดกลยุทธ์และวิธีคิดที่ทำให้คุณมองไปข้างหน้า พร้อมรับมือและก้าวนำคนอื่นได้ตลอดเวลา ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้ง การมีข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัยคือกุญแจสำคัญในการประสบความสำเร็จ

THE JEWELLERY TRENDBOOK 2027+ จะช่วยให้คุณเป็นผู้นำในตลาดเครื่องประดับยุคใหม่ เพื่อให้ธุรกิจของคุณพร้อมกับการก้าวสู่การเป็นผู้นำและยืนหนึ่งเหนือคู่แข่งใน "อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ" ได้อย่างง่ายดาย.. และในปี 2027 เราจะต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงอะไรอีกบ้างในวงการอัญมณีและเครื่องประดับ พบคำตอบทั้งหมดได้จาก หนังสือ THE JEWELLERY TRENDBOOK 2027+ สามารถหาอ่านได้ที่ ห้องสมุดอัญมณีและเครื่องประดับ ชั้น 1 ไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ถนนสีลม กรุงเทพฯ รายละเอียดเพิ่มเติม https://elibrary.git.or.th/trend-book/69240020459ae
หากใครที่สนใจเรื่องราวของ "อัญมณีและเครื่องประดับ" สามารถสืบค้นหนังสือได้จาก https://elibrary.git.or.th/หรือเข้ามาใช้บริการอ่านหนังสือได้ที่ ห้องสมุดอัญมณีและเครื่องประดับ ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ถนนสีลม เปิดให้บริการวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น. หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์


