หน้าหลัก

Jewels of Christmas : ความหมายของ “สีสัน” ที่ซ่อนอยู่ในวันคริสต์มาส

Admin J. ธันวาคม 23, 2025 95 1

เมื่อเทศกาลแห่งความสุขอย่าง “คริสต์มาส” มาถึง ภาพจำที่หลายคนนึกถึงคือ ต้นสนสีเขียวที่ประดับด้วยลูกบอลสีแดง แสงไฟระยิบระยับ และบรรยากาศอบอุ่นท่ามกลางฤดูหนาว แต่เบื้องหลัง “สีสัน” และ “ประกาย” เหล่านี้ กลับมีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับโลกของอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความหวัง และศรัทธามาอย่างต่อเนื่องในประวัติศาสตร์


คริสต์มาสจึงไม่ได้เป็นเพียงวันเฉลิมฉลองทางศาสนา หากแต่พัฒนาเป็นวัฒนธรรมร่วมสมัยที่เชื่อมโยงความเชื่อ ประเพณี และแฟชั่นเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน ภาพของแสงเทียน ต้นไม้เขียวชอุ่ม สีแดง–เขียว–ขาว ไปจนถึงดวงดาวบนฟากฟ้า ล้วนกลายเป็น “ภาษาภาพ” ที่ถูกตีความซ้ำในงานออกแบบแขนงต่าง ๆ รวมถึงโลกของ “อัญมณีและเครื่องประดับ” ซึ่งสามารถสื่ออารมณ์และเรื่องราวได้อย่างลึกซึ้งผ่านวัสดุมีค่า


ในโลกของเครื่องประดับ คริสต์มาสจึงไม่ใช่เพียงธีมตามฤดูกาล แต่คือช่วงเวลาที่ “สัญลักษณ์” ถูกแปลงเป็น “รูปธรรม” และ “เรื่องเล่า” ถูกสวมใส่ได้จริง





ทำไม “อัญมณีและเครื่องประดับ” จึงเหมาะกับการเป็นของขวัญคริสต์มาส?


อัญมณีและเครื่องประดับมีคุณสมบัติเฉพาะที่ทำให้แตกต่างจากของขวัญประเภทอื่น


เป็นของขวัญเชิงสัญลักษณ์ : สามารถสวมใส่ติดตัวได้ ราวกับพกคำอวยพรหรือความทรงจำไว้กับผู้รับ

มีมูลค่าทั้งทางใจและวัตถุ : ไม่เพียงสะท้อนคุณค่าทางเศรษฐกิจ แต่ยังสามารถส่งต่อเป็นมรดกทางอารมณ์จากรุ่นสู่รุ่น

ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านสีและรูปทรงได้อย่างชัดเจน : เพียงเลือกโทนสี ลวดลาย หรือวัสดุ เครื่องประดับก็สามารถสื่อถึงบรรยากาศคริสต์มาสได้ทันที


สีแห่งคริสต์มาส: ภาษาสากลที่อัญมณี “อ่านออก”


คริสต์มาส คือช่วงเวลาที่ “สีสัน” ทำหน้าที่มากกว่าความสวยงาม แต่กลายเป็น ภาษาสากลของความรู้สึก สีแดง สีเขียว สีขาว สีทอง และสีน้ำเงิน ไม่ได้เป็นเพียงองค์ประกอบตกแต่งตามฤดูกาล หากแต่เป็นรหัสทางวัฒนธรรมที่มนุษย์ใช้สื่อสารเรื่อง ความรัก ความหวัง ความศรัทธา และการเริ่มต้นใหม่ มายาวนานหลายศตวรรษ


ในโลกของอัญมณี สีเหล่านี้ถูกถ่ายทอดผ่าน “วัสดุล้ำค่า” ที่มีทั้งความงามทางกายภาพและความหมายเชิงสัญลักษณ์ เมื่ออัญมณีถูกนำมาใช้ในเครื่องประดับคริสต์มาส สีของมันจึงไม่เพียงสะท้อนความงามของศิลปะ แต่ยังสะท้อน ความทรงจำ อารมณ์ และคุณค่าทางใจ ที่ผู้ให้ต้องการส่งต่อ


สีเขียว: ชีวิตและความหวังที่ไม่ดับสูญ

สีเขียวของต้นสนเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตและการฟื้นคืนชีพ แม้ในฤดูหนาวที่โหดร้าย แนวคิดนี้สะท้อนผ่านอัญมณีสีเขียวอย่าง มรกต (Emerald) ซึ่งถูกยกย่องให้เป็นตัวแทนของการเกิดใหม่ ความสมดุล และพลังแห่งธรรมชาติ สีเขียวในเครื่องประดับคริสต์มาสจึงไม่ได้มีบทบาทเพียงการตกแต่ง แต่สื่อถึงความต่อเนื่องของชีวิตและความหวังในอนาคต มรกตเป็นสัญลักษณ์ของ ความหวัง (Hope) การฟื้นฟู (Renewal) และการเริ่มต้นใหม่ การสวมใส่เครื่องประดับสีเขียวในเทศกาลนี้จึงเป็นการเตือนใจว่า “รุ่งอรุณแห่งความหวังกำลังจะมาถึงเสมอ”


สีแดง: พลังแห่งไฟและความรัก

สีแดงคือสีที่ทรงพลังที่สุดในเทศกาลคริสต์มาส มีที่มาจากผลฮอลลี่ (Holly) และชุดของนักบุญนิโคลัส ในทางจิตวิญญาณสีแดงหมายถึง “พระโลหิต” และ “ความรักที่เสียสละ” ทั้งนี้ สีแดงเชื่อมโยงกับไฟ ความอบอุ่น และการให้ ทำให้อัญมณีอย่าง ทับทิม (Ruby) หรืออัญมณีในโทนสีแดง กลายเป็นตัวแทนของพลัง ความรัก และความกล้าหาญ เครื่องประดับโทนแดงมักถูกใช้เป็นจุดโฟกัส เพิ่มความหรูหราและอารมณ์ที่เปี่ยมพลังให้กับช่วงเทศกาล


สีขาว: ความบริสุทธิ์และความเป็นนิรันดร์

สีขาวของหิมะและดวงดาวสื่อถึง “แสงสว่าง” ที่ขับไล่ความมืดมิดในฤดูหนาว เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และความเป็นนิรันดร์ สะท้อนผ่านอัญมณีใสและอัญมณีโทนขาว เช่น เพชร (Diamond) หรือเพทาย (White Zircon) ซึ่งให้ความรู้สึกสงบ บริสุทธิ์ และเปล่งประกาย แสงสะท้อนจากอัญมณีเหล่านี้เปรียบเสมือน “แสงนำทาง” ในเชิงสัญลักษณ์ ประกายของเพชรเปรียบได้กับดวงดาวแห่งเบธเลเฮมหรือดาวคริสต์มาส (Christmas Star) ที่นำทางไปสู่ความสุข การใช้สีขาวและทองร่วมกับอัญมณีสีอื่น ๆ คือการเพิ่ม “แสงสว่าง” ให้กับชีวิตในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ปีใหม่


สีทอง: แสงแห่งความอบอุ่นและคุณค่าที่ไม่เสื่อมคลาย

สีทองสื่อถึงความรุ่งโรจน์ ความสว่างไสวของดวงดาว และความสง่างามของสรวงสวรรค์ เป็น "แสงแห่งความอบอุ่น" เปรียบเสมือนแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาท่ามกลางอากาศหนาว ช่วยสร้างบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทองคำ (Gold) ที่ไม่ได้เป็นเพียงวัสดุสำหรับเครื่องประดับ หากแต่เป็นสัญลักษณ์ที่ฝังรากลึกในศาสนา ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมการให้ของขวัญ ทองคำสะท้อนหัวใจสำคัญของคริสต์มาส ได้แก่ แสง (Light) คุณค่า (Value) และความเป็นนิรันดร์ (Timelessness)


ในฤดูหนาวของซีกโลกเหนือ ทองคำด้วยโทนสีอบอุ่นและคุณสมบัติการสะท้อนแสง จึงถูกตีความให้เป็นแสงที่ตัดกับความมืดและความหนาว สื่อถึงการนำทางและการเริ่มต้นใหม่ ขณะเดียวกัน ทองคำยังเป็นโลหะที่ไม่เป็นสนิมและไม่เสื่อมค่า ทำให้เครื่องประดับทองคำกลายเป็นของขวัญที่ “มีความหมายมากกว่าราคา” และเหมาะแก่การส่งต่อเป็นมรดกของครอบครัว


สีน้ำเงิน: ท้องฟ้า ความสงบ และศรัทธา

นอกจากสีแดงและเขียว "สีน้ำเงิน" คืออีกมิติหนึ่งของคริสต์มาสที่ลึกซึ้งกว่า โดยเชื่อมโยงกับค่ำคืนก่อนรุ่งอรุณและช่วงแห่งการเตรียมใจ (Advent) หรือเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสต์ เป็นการเตรียมใจและจิตวิญญาณเพื่อรอคอยการประสูติของพระเยซู และยังเป็นสีประจำตัวของพระแม่มารี


แซปไฟร์ (Blue Sapphire) หรือไพลิน จึงกลายเป็นอัญมณีที่สะท้อนความสงบ ความจริงใจ และความศรัทธา แซปไฟร์ยังมีความแข็งสูง เหมาะสำหรับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ทำให้เครื่องประดับโทนสีน้ำเงินเข้มถูกนำมาใช้สร้างลุค “Midnight Christmas” ที่หรูเงียบ แต่สง่างามอย่างยั่งยืน และยังสื่อถึงสติปัญญา ความสงบสุข ความซื่อสัตย์ ความสว่างไสวของจิตวิญญาณ และการปกป้องจากสวรรค์ เป็นสีที่ยกระดับความหรูหราของเทศกาลให้ดูสุขุมและสง่างาม


การเลือกเครื่องประดับในวันคริสต์มาส ไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่น แต่คือการส่งต่อความหมายที่ซ่อนอยู่


  • เลือกสีแดง เพื่อบอกว่า “คุณคือคนสำคัญที่ฉันรักสุดหัวใจ”
  • เลือกสีเขียว เพื่อบอกว่า “ขอให้เริ่มต้นใหม่ด้วยความหวัง”
  • เลือกสีน้ำเงิน เพื่อบอกว่า “ฉันจะซื่อสัตย์และเคียงข้างคุณเสมอ”
  • เลือกสีขาว เพื่อบอกว่า “ฉันจะรักคุณตลอดไป”
  • เลือกสีทอง เพื่อบอกว่า “คุณมีค่าสำหรับฉันเสมอ”





อัญมณีประจำเดือนธันวาคม: ของขวัญที่มีเรื่องเล่าเฉพาะตัว


เดือนธันวาคมมีอัญมณีประจำเดือนหลายชนิด ได้แก่ เทอร์คอยส์ (Turquoise) แทนซาไนต์ (Tanzanite) และเพทาย (Zircon) ซึ่งต่างสะท้อนแนวคิดเรื่องการปกป้อง ความสงบ และการเปลี่ยนผ่าน


  • แทนซาไนต์ โดดเด่นด้วยเฉดสีน้ำเงิน–ม่วง ให้บรรยากาศค่ำคืนฤดูหนาวที่โรแมนติก

  • เพทาย มีคุณสมบัติการเล่นแสงสูง ให้ประกายใกล้เคียงเพชร เหมาะกับธีมแสงและดวงดาว

  • เทอร์คอยส์ เชื่อมโยงกับความคุ้มครองและการเดินทาง สื่อถึงการเริ่มต้นใหม่ก่อนเข้าสู่ปีถัดไป


ในบริบทของคริสต์มาส การเลือกอัญมณีประจำเดือนจึงเป็นการมอบของขวัญที่มีความเป็นส่วนตัวและแฝงความหมายเชิงสัญลักษณ์


สัญลักษณ์ "คริสต์มาส" ในงานออกแบบเครื่องประดับ

นักออกแบบมักถ่ายทอดจิตวิญญาณของคริสต์มาสผ่านรูปทรงที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง เช่น


  • ดวงดาว (Star) : การนำทาง ความหวัง และโชคดี

  • กระดิ่ง (Bell) : ข่าวดี การเฉลิมฉลอง และการขับไล่พลังงานลบ

  • ริบบิ้น (Ribbon) : การให้และการเฉลิมฉลอง

  • เกล็ดหิมะ (Snowflake) : ความงามที่ไม่ซ้ำกัน เปรียบเสมือนความพิเศษของผู้รับ


เมื่อสัญลักษณ์เหล่านี้ถูกผสานเข้ากับอัญมณีและโลหะมีค่า เครื่องประดับจึงกลายเป็นวัตถุที่เชื่อมโยงความเชื่อ อารมณ์ และแฟชั่นเข้าไว้ด้วยกัน


จากเทศกาลสู่เครื่องประดับที่สวมใส่ได้ตลอดปี


แม้จะมีรากฐานจากเทศกาล เครื่องประดับคริสต์มาสในปัจจุบันถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Minimal Luxury และ Timeless Design ทำให้สามารถสวมใส่ได้ตลอดปี อัญมณีในโทนสีเขียว แดง หรือขาว ถูกลดทอนความเฉพาะฤดูกาล เหลือเพียง “อารมณ์” ที่ยังคงอยู่ ส่งผลให้เครื่องประดับเหล่านี้ไม่หมดอายุไปพร้อมกับเทศกาล


"คริสต์มาส" และ "เครื่องประดับ" มีจุดร่วมเดียวกัน คือการเป็น “สื่อกลางของความรู้สึก” อัญมณีถ่ายทอดเรื่องราวของแสง ความรัก ความหวัง และการเริ่มต้นใหม่ ผ่านสี รูปทรง และประกายที่จับต้องได้ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เครื่องประดับคริสต์มาสจึงยังคงคุณค่าในฐานะวัตถุที่บันทึกช่วงเวลาพิเศษ และส่งต่อความหมายจากรุ่นสู่รุ่น


หากใครที่สนใจเรื่องราวของ "อัญมณีและเครื่องประดับ" สามารถสืบค้นหนังสือได้จาก https://elibrary.git.or.th/ หรือเข้ามาใช้บริการอ่านหนังสือได้ที่​ ห้องสมุดอัญมณีและเครื่องประดับ​ ตั้งอยู่ที่​ชั้น​ 1​ อาคารไอทีเอฟ​ ทาวเวอร์​ ถนนสีลม​ เปิดให้บริการวันจันทร์-วันศุกร์​ เวลา​ 08.30-16.30 น.​ หยุดวันเสาร์-อาทิตย์​ ​และวันหยุดนักขัตฤกษ์​


URL อ้างอิง:
external-site